Page 239 - thaipaat_Stou_2563
P. 239

งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓



                      อ าเภอเบตง จ.ยะลา  เป็นอ าเภอใต้สุดของประเทศไทย “โกไข่”หรือ นายชาญ  นกแก้ว คนเก่าแก่ของเบตง ได้
                                                                                                     ี
               ถ่ายทอดประวัติและความเป็นมาพอสังเขป โกไข่เกิดที่เบตง และอาศัยอยู่ที่เบตงมาเกือบตลอดทั้งชีวิต โดยมีเพยงบาง
               ช่วงเท่านั้นที่ได้เข้าไปศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเรียนจบจึงตัดสินใจกลับบ้านที่เบตง “บ้านเรามีอะไรดีกว่านี้

               เยอะ คิดนะ คิดไว้ตลอดเลย กลับมากลับบ้านดีกว่า พอจบปุ๊บผมกลับบ้านเลย” เมื่อโกไข่กลับมาที่อาเภอเบตง ได้เปิด
               ร้านขายของอยู่ในตลาดสดอยู่ไม่ถึง ๕ ปี ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตน จึงปล่อยเช่าแล้ว เปิดร้านน้ ากาแฟหลังตลาดสดที่ตั้งอยู่
                                                                         ั้
               ในปัจจุบัน และระหว่างนั้นก็ได้เก็บรวบรวมภาพถ่าย หลักฐาน ของเก่าแก่ทงหลายเกี่ยวกับประวัติของเบตงไว้มากมาย

               ดังนั้นโกไข่จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากคนในเบตง ว่าเป็นผู้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของอาเภอเบตงเป็น
               อย่างดี  การเล่าเรื่อง “เบตง”ของโกไข่เป็นการเล่าด้วยภาพเก่า และหลักฐานส าคัญต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้เป็นเวลานาน

               ซึ่งสิ่งที่โกไข่สะสมนี้ นับเป็นมรดกที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของอาเภอเบตง เป็นอนมาก ด้วยเหตุผลดังกล่าวท าให้
                                                                                 ั
                                                           ์
               โกไข่ได้รับประกาศเกยรติคุณในฐานะ “เป็นผู้อนุรักษมรดกไทยดีเด่น พทธศักราช ๒๕๕๘” จากคณะกรรมการ
                                 ี
                                                                          ุ
               อานวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย และยังได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงการติดต่อสัมภาษณ์

               จากสื่อมวลชนหลายแขนงเกี่ยวกับเรื่องราวของเบตง ส่วน ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านหนึ่งใน
               อ.เบตง จ.ยะลา หมู่บ้าน“จุฬาภรณ์พฒนา ๑๐” เริ่มขึ้นตั้งแต่ในราวช่วงปี ค.ศ.๑๙๕๐ เป็นต้นมา  ในดินแดนของ
                                             ั
               ประเทศมาเลเซียซึ่งในขณะนั้นยังคงเป็นอาณานิคมของประเทศองกฤษ  ต่อมากลุ่มคนจีนมาลายาที่อาศัยอยู่ใน ๓ รัฐ
                                                                  ั
               ของมาเลเซียติดพรมแดนประเทศไทย ได้ต่อสู้กับกลุ่มทหาร ทั้งองกฤษและญี่ปุ่น ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและ
                                                                   ั
               ทรัพย์สินเป็นอย่างมาก จึงได้แตกซ่านกระเซ็นเพื่อเอาชีวิตรอด กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ และมีอยู่จ านวนหนึ่ง
               คือประมาณ ๒๐๐ กว่าชีวิตที่ได้อพยพเคลื่อนย้ายเข้ามายังพรมแดนประเทศไทยในเขตอ าเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยใน

               ระยะแรกได้มีการตั้งฐานทัพ รวมกลุ่มกันอยู่ในป่า ด ารงชีพด้วยการเข้าป่าล่าสัตว์ และใช้สมุนไพรในป่าเป็นยารักษา
               โรค ซึ่งในขณะนั้นตนจีนมลายากลุ่มนี้ถูกเรียกว่า “จคม. หรือโจรคอมมิวนิสต์”
                       หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๑๐ อยู่ในพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วย “ป่าแก่”เป็นธรรมชาติที่แท้จริง อุณหภูมิเฉลี่ยตลอด
               ปีอยู่ที่ประมาณ ๒๐ องศาเซนเซียส  (ต่ าสุด ๑๔ องศาฯ สูงสุด ๓๐ องศาฯ ) ถือว่ามีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ไม่ร้อน
               ไม่หนาวจนเกินไป
                       คนในชุมชนนับถือศาสนาพทธทั้งหมด ใช้ภาษาหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันคือ “ภาษาจีนกวางไส” มี
                                           ุ
               จีนกลาง และภาษาไทยบ้างเล็กน้อย ชาวบ้านมีรายได้หลักจากการประกอบอาชีพการท าสวนยางพารา (ในอดีตมีรายได้
                                                                                               ี
               จากการกรีดยางพาราแต่เนื่องจากปัจจุบันมีฝนตกมาก คนที่กรีดยางที่มาจากภาคเหนือและภาคอสานก็กลับไป
               ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนกรีดยาง)  ปลูกสวนทุเรียน (ผลผลิตจากสวนทุเรียนในหมู่บ้านมีมากกว่า ๒๐๐ ตัน แต่ก็มีบางปีที่
               ฝนตกมาก เนื่องมาจากได้รับอทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก (climate change) ท าให้บางปี
                                       ิ
               ทุเรียนไม่ออกผลผลิตก็มี
                               จึงท าให้ผู้วิจัยได้ท าการศึกษาเรื่องเล่าของชุมชุนโดยเฉพาะหมู่บ้านจุฬาภรณ์10 ของ อ.เบตง จ.
               ยะลา เพื่อต้องการการศกษาการค้นหาและสร้างมูลค่าเพิ่มจากอัตลักษณ์เรื่งราวเรื่องเล่าของชุมชน หมู่บ้าน
                                   ึ
               จุฬาภรณ์ 10 อ .เบตง จ.ยะลา

               วัตถุประสงค์ของกำรวิจัย
                             ื่
                       2.1 เพอศึกษามูลค่าเพมจากอตลักษณ์เรื่องราวเรื่องเล่าของชุมชน หมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10 อ .เบตง
                                                ั
                                          ิ่
               จ.ยะลา
               วิธีด ำเนินกำรวิจัย
                                                    ั
                       การค้นหาและสร้างมูลค่าเพิ่มจากอตลักษณ์เรื่งราวเรื่องเล่าของชุมชน หมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10 อ .เบตง
                                                                          ั
               จ.ยะลา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์เชิงลึก เน้นผู้มีส่วนร่วมในการพฒนาหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10 จ านวน 10
               ท่าน



                                                                                                     237
   234   235   236   237   238   239   240   241   242   243   244