Page 318 - thaipaat_Stou_2563
P. 318
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
เลือกจ านวนทั้งสิ้น 281 คน (คิดเป็นร้อยละ 70.3) โทรทัศน์มีนักศึกษาเลือกจ านวนทั้งสิ้น 99 คน (คิดเป็น
ึ
ร้อยละ 24.8) อินเทอร์เน็ตมีนักศึกษาเลือกจ านวนทั้งสิ้น 9 คน (คิดเป็นร้อยละ 2.3) ประสบการณ์มีนักศกษา
เลือกจ านวนทั้งสิ้น 6 คน (คิดเป็นร้อยละ 1.5) และวิทยุกับอื่นๆ ไม่มีนักศึกษาเลือกตอบ ตามล าดับ
6. อภิปรำยผลกำรศึกษำ
6.1 ระดับควำมเข้ำใจที่มีต่อกำรไปใช้สิทธิเลือกตั้งของนักศึกษำ
การศึกษาระดับความเข้าใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ
เชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) สามารถอภิปราย
ิ
ผลได้ว่า การศึกษาระดับความเข้าใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพบูลสงครามอยู่ระดับมาก(ค่าเฉลี่ย
3.59) แสดงให้เห็นว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงครามส่วนใหญ่มีความเข้าใจและสนใจในเรื่องของ
การเข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส าคัญอย่างหนึ่งของการเข้าไปมี
ส่วนร่วมทางการเมืองและเป็นหน้าที่ส าคัญของพลเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยซึ่งจะ
สอดคล้องหรือเป็นไปตามแนวคิดในเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองและการที่ประชาชน จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ประชาชนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าและความส าคัญของการเลือกตั้ง จึงท าให้เห็นว่า
ความเข้าใจของบุคคลที่มีต่อการเมืองนั้นมีความส าคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองของบุคคล
นั้นๆไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายปรายถกเถียงปัญหาทางการ
เมือง เป็นต้น โดยมีความสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีการมีส่วนร่วมทางการเมืองมาใช้ในการอภิปรายผลถึง
ระดับความเข้าใจในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของนักศึกษาถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในการท ากิจกรรมทางการเมือง
เช่น การเข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การอภิปรายปรายถกเถียงปัญหาทางการเมือง เป็นต้น
และสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้ง โดยที่นักศึกษาจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับกฎระเบียบ กติกา หรือข้อบังคับในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง แม่นย า และตาม
พระราชบัญญัติแห่งกฎหมายการเลือกตั้ง ประชาชนทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎ กติกา การเลือกตั้ง รวมถึง
การเข้าไปมีส่วนร่วมในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ั
นอกจากนี้ผลการศึกษายังสื่อไปถึงการพฒนาประชาธิปไตยและการพฒนาทางการเมือง โดยการที่
ั
นักศึกษาหรือประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
เกี่ยวกับการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองและมีแนวโน้มที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยเฉพาะการ
ั
เลือกตั้งมากขึ้นจะสามารถท าให้ประชาธิปไตยและระบบการเมืองพฒนาขึ้นได้ เนื่องจากว่าการมีส่วนร่วม
ั
ทางการเมืองเป็นเป้าหมายส าคัญของการพฒนาระบบการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ทั้งนี้เพราะการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองเป็นตัวชี้วัดที่ส าคัญประการหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย สังคมใดจะมีระดับความเป็น
ประชาธิปไตยสูงหรือต่ าจะต้องพิจารณาจากระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วม
ทางการเมืองสูงสังคมนั้นก็จะเป็นสังคมที่มีระดับความเป็นประชาธิปไตยสูงตามไปด้วยซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด
ั
ั
ในเรื่องของการพฒนาประชาธิปไตยกับการพฒนาทางการเมือง และผลการศึกษายังมีความสอดคล้องกับ
งานวิจัยของ วัฒนิกา ศิลปะกุล (2550, น.117) ที่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของ
ประชาชนในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามเจตนารมณ์ของธรรมนูญที่ต้องการให้การเมืองเป็นของ
พลเมือง และงานวิจัยของ วัฒนิกา ศิลปะกุล โดยพบว่ากลุ่มวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของ
การพฒนาการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้งที่กลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มที่จะให้ความ
ั
ื้
สนใจและเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนส าคัญในการสร้างพนฐานที่แข็งแกร่งให้กับระบอบ
ประชาธิปไตยของไทย
316