Page 71 - Microsoft Word - PAAT Journal V3-2020-update by ap
P. 71
PAAT Journal Vol. 2, No. 3, June 2020
้
ี
ิ
่
้
้
ื
ี
้
้
ั
ื
เนอหาในบทนผูเขียนไดเนนไปทการประเมนคุณค่าของเมองในทางสถาปตยกรรม (Architecture)
็
ิ
ื
การผังเมอง (Urban Planning) และภูมทศน์ (Townscape) ซงถือเปนการวเคราะห์ในหลายองค์ประกอบ
ิ
ึ
ั
่
ั
่
ุ
้
่
ิ
ั
ิ
็
์
เข้าดวยกัน เชน กายภาพ สุนทรียะ ประวตศาสตร วฒนธรรม ชมชน นิเวศวทยา จินตภาพ เปนต้น ในบทที 5
่
ึ
่
ี
ี
็
่
ี
่
เปนส่วนทกล่าวถงการอนรักษกับการท่องเทยว ซงในส่วนนของหนังสือไดชให้เหนถึงประโยชน์อยางง่ายในยค
ึ
ุ
็
ุ
์
้
้
ี
้
ื
์
ุ
้
ี
่
ิ
ู
ปจจบันทเพมมลค่าในการอนรักษเมอง คือ อตสาหกรรมการท่องเทียว ในบทนผูเขียนได้ชีให้ผูอ่านเห็น
่
ี
่
้
้
ุ
ุ
้
ั
ั
สถานการณ์โลกในยุคปจจบัน ความสําคญของอตสาหกรรมการทองเทยวและความสัมพนธระหว่าง
์
ุ
ั
ุ
่
ี
่
ั
่
่
้
การอนุรักษ์เมองและการทองเทียว ในส่วนของบทที 6 การวางแผนการอนุรักษ์นัน เปนเนือหาทีนําเสนอ
็
้
่
่
ื
์
ื
ุ
ิ
ุ
การดําเนินการในการอนรักษเมองประวตศาสตร์ ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างการอนรักษ์กับการใช้ประโยชน์
ั
เมอง ความสาคัญของแผนการอนุรกษเมอง กระบวนการวางแผนการอนุรักษเมอง การออกแบบนโยบายการ
์
ั
ื
ื
์
ํ
ื
์
อนรักษเมอง การบรหารและการจดการเมองอนุรักษ เปนตน
ั
์
ื
็
ิ
้
ุ
ื
้
ื
ั
ุ
้
็
์
่
ี
่
ิ
ื
ในบทท 7 บทเรียนการอนรักษเมองประวตศาสตร์ เปนบททีผูเขียนไดยกกรณีตวอยางเมองท ี ่
่
ั
ได้รับการอนุรักษ์ คือ มหานครลอนดอน นครเกียวโตและนครเชียงใหม่ ซึงในแต่ละกรณีศึกษา ผูเขียน
่
้
ั
ั
ไดนาเสนอประเด็นตางๆ คือ ประวตศาสตร์และการพัฒนาของเมอง สถานการณในปัจจบน
ื
์
ํ
้
ุ
่
ิ
แผนและนโยบายการพฒนาทีเกียวข้องกับการอนรักษ และบทเรียนทไดรับทางวิชาการ ในบทสุดท้าย
่
ั
่
ุ
้
ี
่
์
็
ื
่
ี
้
่
ของหนงสือคือบทสรุป ซงผูเขียนไดสรุปประเดนตางๆ เพอชใหผูเขียนเห็นความสําคญของการอนุรกษเมอง
ั
ั
์
ั
่
ึ
้
ื
้
้
้
ไดแก รากฐานแนวคิดการอนุรักษ ความสมดลระหวางการอนุรักษและการใชสอยเมอง การวางแผนอนุรักษ ์
ื
้
้
ุ
่
่
์
์
เมอง การวิเคราะห์องค์ประกอบและการประเมินคุณค่าเมืองและบทเรียนจากเมืองประวัติศาสตร์
ื
ื
่
ี
่
สงทไดรับจากการอานหนังสอ
ิ
่
้
้
์
ื
้
์
ุ
จากเนือหาทังหมดของหนังสือการอนุรักษชมชนเมองของรองศาตราจารย ดร.ปรานอม
ื
ิ
ึ
็
์
้
ั
ตนสุขานนท หนังสือเล่มนีมความเหมาะสมทีจะเปนหนังสือเรียนหรอเอกสารทางวชาการของนักศกษา
ี
ั
่
และนกวชาการดานนครศกษา นอกจากนีหนงสือเล่มนียังเหมาะเป็นคูมือ (Handbook) หรือ เอกสารแนะนํา
่
้
ั
้
ั
้
ึ
ิ
ั
์
่
ิ
(Guidebook) สําหรบนักบริหารรัฐกิจ นกปกครอง เจาหน้าทวเคราะหนโยบายและแผน นักผังเมอง
ี
ั
้
ื
่
ิ
ํ
และผูเกียวข้องกบการอนรักษเมองประวตศาสตร์หรือเมองมรดก เพอใหการกาหนดนโยบายสาธารณะ
่
ื
ุ
ื
์
้
ั
ั
ื
้
และแนวทางในการอนุรักษ์เมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกบหลักวิชาการ นอกจากเนือหา
ั
้
ี
้
ในหนังสือฉบบนทีมความนาสนใจแล้ว หนงสือดงกล่าวยงมภาพประกอบทงเป็นภาพสีและภาพขาวดา
้
ั
่
ั
ั
ั
ี
่
ี
ํ
ั
้
ึ
ซงมการอรรถาธบายของผูเขียน ทาใหเกิดความกระจางชดทางความคดในการอนุรักษเมองมากยิงขึน
ิ
ํ
ื
่
ี
ั
้
์
่
้
่
ิ
้
ั
่
้
ี
ั
ดงนนหนงสือเล่มนจึงเหมาะกับผูสนใจดานการอนรักษเมองโดยทัวไป เนองจากในปัจจุบนมผูสนใจ
ั
ั
ื
ื
้
่
ุ
้
์
ี
้
่
ื
ั
ื
้
ั
ื
ั
่
ั
์
ิ
้
้
และผูชนชมความงามของเมองประวตศาสตรและเมองมรดกอยูมากมาย ดงนนหนงสือเล่มนจงเปน
ึ
ี
็
่
ี
สิงทเปิดวสัยทศน์ในการท่องเทียวและการชืนชมเมืองประวัติศาสตร์อย่างมีความเข้าใจและซาบซึง
้
ั
ิ
่
่
่
้
มากยงขึน
่
ิ
ึ
ื
การศกษาดานนครศึกษาในเชงการอนุรักษเมองประวัตศาสตร (Historical City) หรือ เมอง
้
ิ
ิ
์
์
ื
ิ
ื
มรดก (Heritage City) ในประเทศไทยเชงสังคมศาสตร หรอหากเจาะลึกไปในทางดานรฐประศาสนศาสตร์
้
์
ั
่
63 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย