Page 78 - PAAT_Journal_V1-2019
P. 78
PAAT Journal Vol. 1, No. 1, (June 2019)
ุ
ิ
ี
้
ั
ุ
้
ิ
ี
ั
็
้
ี
่
ึ
้
่
ํ
ื
หนจงเปนหวใจตอการขยายตวของระบบทนนยม เพราะหนคือกลไกทีทาให้ผูผลตมตนทนในมอเพยงพอ
ี
่
่
้
ี
ี
ํ
่
้
ํ
้
ุ
สําหรับผลิตสินคาจํานวนมากภายใตการกากับของคุณคาแลกเปลียน หนคือสิงททาใหทนนิยมเป็นไปได หากไม ่
้
้
่
่
ุ
้
มหนผูผลิตก็ยอมไมสามารถหาตนทนมาทําการผลิตภายใตการสนองเป้าหมายอยางผลกําไรจากการจําหน่าย
้
้
้
ี
่
่
ี
อนยอมส่งผลตอการขยายตัวของทุนนิยมไปดวยเชนกันในแง่น พร้อมๆไปกับการขยายตวของคุณค่า
้
ี
่
ั
้
่
ั
่
แลกเปลียน ตลอดจนการประมาณการณ์ในเชงของการจดจาหน่าย(ทีมาก่อนการผลิต) หนก็ไดผงาดขึนมาเป็น
่
่
้
ี
ํ
้
ั
ิ
้
ื
ั
เชอเพลิงสําคัญในกิจกรรมทางเศรษฐกจของมนุษย ถ้าสังคมการเมองปจจุบนคือสังคมการตลาดแบบทุนนิยม
ั
์
ื
ิ
้
่
่
ํ
สังคมดังกล่าถึงทสุดแล้วก็คือสังคมทีขับเคลือนตนเองผ่านการดารงอยของหน ้ ี
ู
่
่
ี
่
้
่
ี
้
่
้
ุ
็
่
้
ี
อย่างไรก็ตามแมจะชใหเหนถึงความสําคัญของหนทีมตอการขยายตัวของทนนยม แตวารูฟากิสก็ไมลืม
ิ
ี
ิ
ั
ั
ี
่
็
้
้
ทจะชใหเหนวาพร้อมๆไปกับการขยายตวของทุนนยมดงกล่าว ตวหนเองกแปรเปลียนสภาพและรูปแบบไปดวย
ี
่
้
็
่
ั
้
ี
้
็
ิ
่
้
้
ี
เชนกัน โดยวารูฟากิสไดชใหเหนวา เดมทการดารงอย่ของหนีนันจะเป็นการดํารงอยูในฐานะของพันธะทีผูกพัน
่
้
่
ู
ี
้
ํ
่
์
ุ
ั
ี
ั
ปจเจกบคคลเข้ากับชมชนหรือสภาพสังคมทีแวดล้อมภายใตสายสัมพนธแบบตางตอบแทน (reciprocal) ทแต ่
่
่
่
ุ
้
่
่
ั
ึ
่
่
้
ี
่
่
้
ี
ละฝ่ายตางก็คอยชวยเหลืออกฝ่าย เชนวนน นาย ก.ชวยเหลือนาย ข.ในการทํากิจกรรมอยางหนง ก็แปลไดวา ่
่
ั
้
ั
้
้
่
ในอนาคตหากนาย ก.ตองการความชวยเหลือ นาย ข.ก็จะถูกผูกมดดวยพนธะทางใจให้ตองมาชวยนาย ก. ซง ึ ่
ั
้
ี
การชวยเหลือกันดงกล่าวนเอง ทีคอกลไกสําคัญตอการผกสัมพนธและสร้างความเปนพวกพองใหเกิดขึนภายใน
่
ู
้
่
็
ั
์
้
่
้
ื
ุ
ชมชน
่
ื
ั
ุ
่
ี
่
้
็
กระนน ดงทวารูฟากสไดชใหเหน วาเมอทนนยมขยายตวพร้อมๆกับความต้องการเงินทนเพือผลิต
ั
้
ิ
ั
ิ
ี
่
้
ุ
้
ั
ั
่
ี
้
ํ
่
ั
่
ี
ั
่
ั
สิงของในจานวนมาก รูปแบบของหนดงทีกล่าวมานก็จะเปลียนไป จากการเป็นพนธะผูกพนตวปจเจกแตละคน
้
ั
่
ั
ุ
ั
่
่
ี
่
่
้
็
ุ
้
่
ั
เข้ากับชมชนทตนอาศยก็จะกลายเปนเงือนไขทีสร้างความมงคังใหกับตวปจเจกแตละบคคลเอง เนืองจากหนีใน
่
รูปแบบใหม่นีจะมาพรอมกับสิงทเรียกวาดอกเบียในฐานะราคา(หรือคุณค่าแลกเปลียน)ของตวหน ทาให้เจ้าหนี ้
่
้
่
ี
้
ั
้
ี
้
่
่
ํ
้
้
ี
้
ี
สามารถสรางความมงคังให้กับตนเองผ่านการเก็บและสะสมดอกเบียจากเงินตนทีตนใหลูกหนยืมได หนในแบบ
้
้
่
้
้
่
ั
่
ั
่
ั
ุ
ี
์
่
ี
่
่
ุ
ั
ั
้
้
ใหมนจึงไมใชหนทมงสานสัมพนธระหวางปจเจกดวยกัน (ตลอดจนความสัมพนธระหวางปัจเจกกบชมชนทีตน
่
่
ี
์
่
้
่
ั
อาศัย) หากแตเปนเงือนไขทียงทาใหปจเจกแยกขาดจากชมชนและคนอนทงยงบ่มเพาะความเห็นแก่ประโยชน์
็
ํ
ื
่
ิ
ุ
่
้
ั
่
่
่
้
ั
่
้
ู
ี
่
ุ
ี
้
ส่วนตนทีมงสร้างความมังคังเฉพาะแกตนเอง(บนการขูดรีดส่วนตางรายไดของลกหนทก็เป็นเพอนร่วมชมชน
่
่
่
่
ุ
ื
่
่
็
ิ
่
่
ี
่
้
ุ
เดยวกนกับตน) นนจึงไมแปลกทวารูฟากิสจะชให้เหนตอมาวาสุดทายแล้วสังคมทอยภายใตกํากบของทนนยมท ่ ี
ี
่
ู
่
้
ี
ั
่
ั
้
่
ั
ี
่
ั
่
ี
็
้
ุ
ั
ั
้
ั
้
ขยายตวนนจะเปนสังคมแบบพนธะสญญาทมงเนนการแข่งขันระหว่างปัจเจกแต่ละบุคคลผูต่างก็ประจันหน้า
้
ั
่
ั
่
หาหันกันภายใตเป้าหมายสูงสุดคือความมงคังส่วนบคคลเท่านน
้
้
ํ
ุ
่
็
้
ี
่
ั
้
ี
่
ี
ํ
ถึงตรงนี วารูฟากิสก็ไดชใหเหนถึงการทางานของสถาบนการเงินทสําคญทสุดในการขบเคลือน
ั
้
ั
้
่
่
ั
ิ
่
ี
่
ิ
่
้
เศรษฐกจแบบทุนนยม นนก็คือธนาคาร เนืองจากภายใตสภาพแวดล้อมทีพันธะทางสังคมได้ถูกแทนทด้วย
ํ
้
ั
้
้
่
่
่
ํ
่
้
ู
้
ื
พนธะสญญาและการแข่งขันหาหนระหวางสมาชิกในสังคมนัน ไดทาใหการกยมกลายเป็นกิจกรรมทีไมขึนกับ
้
ั
ั
้
่
่
ู
ุ
้
ื
ี
ิ
ั
่
ิ
ั
ํ
์
ความสัมพนธส่วนตวเหมอนในอดีต จนนามาสการเกดขึนขององค์กรอยางธนาคารทเปดโอกาสใหทกคน
สามารถกเงินหรือรับสินเชือได้โดยไม่จําเป็นต้องรูจักหรือมีสายสัมพันธ์ทีดีกับตัวองค์กรมาก่อนตังแต่ต้น
้
ู
่
้
่
้
ื
่
ั
แนนอนวาการปล่อยสินเชอของตวธนาคารนัน หากพจารณาจากความเขาใจโดยทัวไปแลวก็คือการปล่อยเงินกู ้
่
่
้
่
้
้
ิ
่
70 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย