Page 114 - Microsoft Word - PAAT Journal V5-2021-awt-v2
P. 114

PAAT Journal Vol. 3 No. 5, June 2021

                    ลดความขัดแย้งและการประนีประนอมระหว่างเจ้านายและลูกน้องได้เป็นอย่างดีทีเดียว (Arrow, 1974:

                    71:72) ต่อเนื่องมาที่ประการที่สี่ ถึงการสร้างกลไกให้การใช้อํานาจหน้าที่นี้อย่างมีความรับผิดชอบ กล่าวอย่าง
                    ง่าย คือ การใช้อํานาจต้องมีความรับผิดชอบในการสั่งการด้วยไปพร้อมกัน เพราะเป็นไปได้โดยธรรมชาติ

                    พฤติกรรมของมนุษย์จะใช้อํานาจดุลพินิจเกินขอบเขตและเพื่อประโยชน์ของตัวเองก่อน องค์การจึงต้องกําหนด
                    มาตรการควบคุมการใช้อํานาจอย่างรับผิดชอบเชิง “กลยุทธ์” ในสถานการณ์ต่าง ๆ  เพื่อให้มีความยืดหยุ่นใน

                    การใช้อํานาจ ไม่ทําให้เกิดการสร้าง “กฎ” ตายตัวที่จะใช้งานทุกกรณี (Arrow, 1974: 74:77) ทั้งนี้ ขึ้นกับว่า
                    ในแต่ละสถานการณ์มีข้อมูลมาประกอบในการตัดสินใจใช้อํานาจสั่งการมากน้อย ครบถ้วน และถูกต้องเพียงใด

                    อันนํามาสู่ประเด็นสุดท้ายที่ต้องขบคิดต่อ คือ การชั่งน้ําหนักเลือกผ่อนปรนระหว่างอํานาจหน้าที่และความ
                    รับผิดชอบ (a trade-off) ในแง่นี้ สิ่งที่เคนเน็ธ แอร์โรว์อธิบายอาจจะแตกต่างจากที่เข้าใจกันทั่วไปในทางการ
                    บริหารที่ผู้สั่งหรือเจ้านายต้องมีความรับผิดชอบในการออกคําสั่งหรือมีอํานาจต้องเท่ากับ

                    ความรับผิดชอบนั่นเอง ด้วยเขามองว่า การใช้อํานาจของเจ้านายนั้นไม่สามารถใช้ได้กับลูกน้องอย่างเต็มที่นัก
                    เพราะอาจจะเกิดการตั้งคําถามหรือมีข้อร้องเรียนในการใช้อํานาจ จนต้องผ่อนปรนการใช้อํานาจลง จาก

                    ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในองค์การหรือมหาวิทยาลัยที่ออกข้อบังคับมาใช้กับนักศึกษามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน
                    การแต่งกายและอื่น ๆ ซึ่งมีเสียงสะท้อนกลับไม่ตอบรับการออกกติกานี้มีควบคุมพฤติกรรมของนักศึกษา จึงได้

                    เรียกร้องให้ออกกติกาเช่นเดียวกันกับอาจารย์และเจ้าหน้าที่ในทางเดียวกันด้วย ในที่สุดผู้บริหารจําต้องทบทวน
                    การใช้อํานาจนี้และผ่อนปรนในสถานการณ์เช่นนี้ (Arrow, 1974, 77:79) แต่อย่างไรก็ตาม อํานาจหน้าที่นี้ยังมี

                    ความสําคัญสําหรับองค์การเพื่อทําให้องค์การทํางานได้ บรรลุเป้าหมายของการจัดตั้งองค์การ

                              จากที่กล่าวมาข้างต้น เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า เอกสารงานชิ้นนี้ควรค่าแก่การอ่านอย่างพิเคราะห์

                    เป็นพื้นฐาน เป็นจุดเริ่มต้นในการทําความเข้าใจการคงอยู่ขององค์การสาธารณะเพื่อจัดสรรทรัพยากรในสังคม
                    ดูแลทุกข์สุขของประชาชนโดยรวมมากกว่าประโยชน์ของคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เหมาะสําหรับผู้เริ่มศึกษาและ

                    สนใจการทํางานขององค์การสาธารณะเป็นอย่างยิ่ง จัดเป็นหนังสือคลาสสิคที่เริ่มจะหายากในร้านหนังสือทั่วไป
                    ควรค่าในการเก็บไว้เป็นของส่วนตัวสําหรับนักสะสม นักวิชาการด้านรัฐประศาสนศาสตร์ทุกคน นักวิจัยภาครัฐ

                    และผู้สนใจทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง

                                                        เอกสารอ้างอิง


                    อัมพร ธํารงลักษณ์. (2548). รายงานการศึกษาวิจัยเรื่อง “การสร้างระบบความพร้อมรับผิด
                           และมาตรฐานความพร้อมรับผิดในแต่ละกลุ่มลักษณะงาน”. กรุงเทพ: สํานักงาน ก.พ.


                    อัมพร ธํารงลักษณ์. (2548). รายงานการศึกษาวิจัยเรื่อง “โครงการขยายผลเพื่อนําตัวชี้วัดการบริหารกิจการ
                           บ้านเมืองที่ดีระดับองค์การสู่การปฏิบัติ” ดร.ถวิลวดี บุรีกุล กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า


                    อัมพร ธํารงลักษณ์. (2550). รายงานการศึกษาวิจัยเรื่อง “โครงการการนําร่องใช้เครื่องมือวัดความพร้อมรับ
                           ผิด (Accountability) ของผู้ปฏิบัติงาน ด้านการบริหารงานบุคคล” กรุงเทพ: สํานักงาน ก.พ.



                                                        107                    สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119