Page 14 - Microsoft Word - PAAT Journal V5-2021-awt-v2
P. 14
PAAT Journal Vol. 3 No. 5, June 2021
วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพโดยทั่วไป
Hsieh & Shannon (2005: 1277) ได้แบ่งวิธีการวิเคราะห์เนื้อหาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัย
เชิงคุณภาพ ออกเป็น 3 แบบคือ (1) แบบดั้งเดิม (Conventional content analysis) (2) แบบกําหนดทิศทาง
ล่วงหน้า (Directed content analysis) (3) แบบสรุปความ (Summative content analysis) ซึ่งจะได้
อธิบายวิธีการวิเคราะห์เนื้อหาแต่ละแบบ โดยสังเขปและทําการเปรียบเทียบวิธีการในการวิเคราะห์เนื้อหาที่ใช้
ในการวิจัยเชิงคุณภาพทั้งสามแบบตามที่ จําเนียร จวงตระกูล และ นวัสนันท์ วงศ์ประสิทธิ์ (2562: 5-8) ได้
นําเสนอไว้ในลําดับต่อไป
การวิเคราะห์เนื้อหาแบบดั้งเดิม (Conventional content analysis) ถือเป็นแบบพิธีหรือทําเนียม
การปฏิบัติของการวิเคราะห์เนื้อหาที่ใช้มาอย่างต่อเนื่องในการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพที่ใช้
ยุทธศาสตร์การวิจัยเชิงคุณภาพแบบการศึกษาเพื่อสร้างทฤษฎี (Grounded theory) ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยใน
ประเด็นหรือโจทย์การวิจัยที่เป็นเรื่องใหม่หรือในกรณีที่ยังไม่มีทฤษฎีรองรับ เป็นการวิจัยที่สร้างความรู้ใหม่
หรือทฤษฎีหรือแบบจําลองใหม่ขึ้นมาเพื่ออธิบายปรากฏการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ยังไม่ปรากฏมีผู้
ทําการศึกษามาก่อน สามารถใช้เป็นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลสําหรับการวิจัยเชิงคุณภาพโดยทั่วไปที่ไม่ได้ใช้
ยุทธศาสตร์การวิจัยเชิงคุณภาพแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพที่ใช้ยุทธศาสตร์การวิจัย
แบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ นอกเหนือจากยุทธศาสตร์การวิจัยเชิงคุณภาพแบบการศึกษาเพื่อสร้างทฤษฎี
ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น นักวิจัยจะเริ่มต้นการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาแบบดั้งเดิมก่อน
แล้วจึงก้าวไปทําการวิเคราะห์ข้อมูลตามกระบวนการและขั้นตอนที่กําหนดไว้เป็นการเฉพาะสําหรับการ
วิเคราะห์ข้อมูลของการวิจัยที่ใช้ยุทธศาสตร์การวิจัยเชิงคุณภาพแบบนั้นๆ ต่อไป กระบวนการวิเคราะห์เริ่มต้น
จากการอ่านและทําความเข้าใจกับเนื้อหาของข้อมูลซึ่งพิจารณาจากเนื้อหาของข้อความโดยพิจารณา
สาระสําคัญของเนื้อหาของข้อความทีละหน้ากระดาษ ทีละวรรค ทีละประโยค ทีละวลี หรือทีละคํา แล้ว
ตีความหมายของเนื้อหานั้นๆ ว่ามีความหมายว่าอย่างไร แล้วจึงตั้งชื่อขึ้นมาใหม่แทนข้อความในหน้า วรรค
ประโยค วลี หรือคํา เหล่านั้น ขั้นตอนนี้เรียกว่าการกําหนดรหัส (Code) จากเนื้อหาของข้อมูลที่เป็นข้อความ
จากนั้นจึงทําการจัดกลุ่มของรหัสที่มีความหมายคล้ายคลึงกันเข้าไว้ในกลุ่มหรือหมวดหมู่เดียวกันเป็นประเภท
ข้อมูลเดียวกัน ซึ่งเรียกว่าหัวข้อรอง (Category) ในกรณีที่มีประเภทข้อมูลหรือหัวข้อรองประเภทเดียวกัน
จํานวนมาก อาจจัดกลุ่มหรือหมวดหมู่โดยแบ่งออกเป็นประเภทข้อมูลย่อย หลายกลุ่มอยู่ภายใต้ประเภทข้อมูล
เดียวกันได้ ซึ่งเรียกว่าประเภทข้อมูลย่อย (Sub-category) ในลําดับต่อไป จึงทําการจัดกลุ่มหรือหมวดหมู่ของ
ประเภทข้อมูลโดยการนําเอาประเภทข้อมูลที่มีความหมายคล้ายคลึงกันที่สามารถจัดเข้ารวมกลุ่มอยู่ในกลุ่ม
หรือหมวดหมู่เดียวกันได้เข้าไว้ด้วยกันเป็นประเด็นหลัก (Theme) ประเด็นหลักเป็นปัจจัยหรือองค์ประกอบ
(Factor) ที่นําไปใช้ดําเนินการต่างๆ ต่อไป เช่น การสร้างทฤษฎี แบบจําลอง การอธิบาย หรือการอภิปราย
ผลการวิจัยเป็นต้น
การวิเคราะห์เนื้อหาแบบนี้เป็นการวิเคราะห์ที่ใช้ในกรณีที่ยังไม่มีทฤษฎีรองรับและใช้กับการวิจัยเชิง
คุณภาพที่ไม่ได้เลือกใช้ยุทธศาสตร์การวิจัยเชิงคุณภาพแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะดังที่ได้กล่าวมาแล้วจึงเหมาะ
7 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย