Page 179 - thaipaat_Stou_2563
P. 179
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
ระดับการเปิดค่อยข้างสูง มักไม่ก าหนดเงื่อนไขการใช้งานข้อมูลที่ขัดต่อสาระส าคัญในเป้าหมายการเผยแพร่
ข้อมูลเปิดแก่สาธารณะชน
ี่
ประเทศทผลิตข้อมูลเปิดอยู่ในล าดับต้นๆ ตามนัยที่เปิดกว้างส าหรับการใช้ข้อมูลได้อย่างเต็มรูปแบบมี
ั
จ ากัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพฒนาด้านดิจิทัลระดับสูง และประเทศโลกเสรีประชาธิปไตยล าดับต้นๆ อาทิ
เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร เยอร์มันนี ฝรั่งเศษ นอร์เวย์ ฟนแลนด์ แคนาดา ออสเตรเลีย
ิ
ั
เกาหลีใต้ ไต้หวัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเปิดของส่วนราชการต่างๆ และองค์กรของรัฐในประเทศพฒนา
แล้วเหล่านั้นมีจ านวนมากมาย อาทิเช่น งบประมาณรัฐ การจัดซื้อ การออกกฎหมาย แผนที่การครอบครอง
ที่ดิน คุณภาพอากาศ ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาข้อมูลเปิดให้ครอบคลุมประเด็นข้อมูลส าคัญๆ ที่ควรได้รับการ
ื่
เปิดเผย และการเผยแพร่ไปสู่การใช้งานข้อมูลตามเป้าหมายอนๆ นอกเหนือจากความโปร่งใส และการมีส่วน
ร่วมของประชาชน จึงไม่อาจพฒนาได้รวดเร็วนัก เมื่อเทียบกับข้อมูลขนาดหมึมาที่เกิดขึ้น หรือถูกจัดเก็บ
ั
รวบรวมโดยหน่วยงานรัฐอยู่ตลอดเวลา
จากการส ารวจสถานะปัจจุบันของการเข้าถึง และใช้งานข้อมูลเปิดภาครัฐ ระดับนานาชาติตาม
รายงานของหน่วยงานระหว่างประเทศ ชื่อ Open Data Barometer และ อกแห่งชื่อ Global Open Data
ี
ั
Index ในปี พ.ศ. 2557 และ 2558 พบว่า ข้อมูลเปิดที่มีมาตรฐานเบื้องต้นตามนิยามอนเป็นที่ยอมรับระดับ
สากล ปรากฏพบเพียงร้อยละ 11 ของข้อมูลเปิดทั้งหมดที่ให้บริการในประเทศต่างๆเหล่านั้น ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2563 ข้อมูลเปิดภาครัฐของประเทศชั้นน าล าดับต้นๆด้านข้อมูลเปิดในบางประเด็น โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งข้อมูลด้านงบประมาณรัฐ กลับไม่เป็นที่เปิดเผยโดยประเทศเจ้าของข้อมูลเพราะการเปิดเผยข้อมูลใน
ี
รายละเอยดอาจก่อให้เกิดข้อจ ากัดในการน าไปสู่ภาคปฏิบัติของส่วนราชการภายในประเทศเจ้าของข้อมูล
นอกจากนี้การใช้ข้อมูลเหล่านั้นกลายเป็นความเสี่ยงเชิงการแข่งขันระหว่างประเทศ และความขัดแย้งกับ
ประเทศอื่น (Ruijer et al., 2019)
ถึงแม้ว่าข้อมูลเปิดภาครัฐดูเหมือนยังมีข้อจ ากัดจากมุมมองเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ และอปสรรค์
ุ
ั
อนอาจมาจากกรณีความสัมพนธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในมิติด้านความร่วมมือ การแข่งขัน และความ
ั
ิ่
ั
ขัดแย้งอนเป็นปรากฏการณ์ระหว่างรัฐที่มีความซับซ้อน งานวิจัยจ านวนเพมมากขึ้นได้สรุปให้เห็นข้อดี และ
ั
ประโยชน์ที่รัฐได้รับจากการพฒนาระบบข้อมูลเปิด (Zuiderwijk et al., 2019) ซึ่งครอบคลุมมิติด้าน
ิ่
การเมือง ได้แก่ การเพมความโปร่งใสให้กับหน่วยงาน การเสริมสร้างพลังอานาจแก่ภาคปราชาชน การ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพอการตรวจสอบการท างาน ส าหรับมิติด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ประสิทธิภาพการจัดการ
ื่
ข้อมูล การส่งเสริมนวัตกรรมการท างาน การเพิ่มความรวดเร็วในการติดต่อประสานงาน และในมิติทางเทคนิค
ได้แก่ การลดกระบวนการด าเนินงาน การเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกง่ายดาย การตัดสินใจได้อย่างยุติธรรมจาก
ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ ผลดีของข้อมูลเปิดโดยภาพรวมจึงเกิดขึ้นจากการเข้าถึงแหล่งข้อมูลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สูง และลักษณะข้อมูลที่สะดวกต่อการน าไปใช้เพื่อการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ตามคุณค่าที่ผู้ใช้เล็งเห็น
177