Page 13 - PAAT_Journal_V2-2019
P. 13
PAAT Journal Vol. 2, No. 2, December 2019
ิ
ี
ํ
ั
่
์
ิ
้
้
ี
่
ตารางท 2: สวนสาคญทใชในการวเคราะหเนือหาในการวจัยเชงคณภาพ
ุ
่
ิ
คา ความหมาย
ํ
การยอ การยอ (Condensation) การยอเปนกระบวนการในการยอข้อความให้สันลงใน
่
่
่
็
้
่
ี
่
ั
้
(Condensation) ขณะทยงคงรกษาความหมายหลักไว
ั
ั
ื
่
ิ
็
รหัส (Code) รหส (Code) รหส เปนฉลาก หรือ ชอ ทสามารถอธบายความหมายไดชดเจน
ั
ั
้
ี
่
่
้
่
่
่
่
ี
ทสุดวาหนวยความหมายยอ (Condensed Meaning Units) นันหมายความวา
ี
ี
ึ
อยางไร ตามปกติจะมความยาวเพยงหนงหรือสองคํา
่
่
หัวข้อเรือง (Category) หวข้อเรอง (Category) การกําหนดหวข้อเรือง เปนการนําเอารหสหลายรหสทม ี
็
ี
ื
่
ั
ั
ั
่
่
ั
่
ั
ี
ความสมพนธกันในดานเนอหาหรือบริบทมารวมเปนกลุมเดยวกันแล้วตงชอขึนมา
่
ั
ื
้
็
ื
้
ั
้
้
่
์
ใหมเปนหัวข้อเรือง (Category) หวข้อเรืองจะตอบคําถามเกยวกบ ใคร? อะไร?
ั
่
ี
็
่
ั
่
่
่
ื
เมอไร? หรือ ทไหน?
่
ี
ํ
ั
่
หัวข้อเรืองหลก หวข้อเรองหลัก (Theme) เป็นการนาเอา หวข้อเรือง (Category) ทมความหมาย
ื
ี
่
ั
ี
ั
่
่
(Theme) พนฐาน (Underlying Meaning) เชน ความหมายทซอนเร้นอยภายในตังแตสอง
่
่
่
ื
้
่
้
่
ู
ี
่
ั
้
่
้
ั
ู
ื
่
้
ื
ั
่
หวข้อเรองขึนไปมารวมไวอยในกลุมเดยวกันแล้วตงชอใหมขึนมาเปนหวข้อเรือง
่
้
่
ี
็
่
่
ั
หลัก (Theme) หวข้อเรืองหลักจะตอบคําถามเกยวกับ ทาไม? อยางไร? ใน
่
ี
ํ
ี
ทศทางใด? หรือ โดยวธการใด?
ิ
ิ
ั
ทมา: แปลและดดแปลงจาก Erlingsson & Brysiewwicz, 2017, p. 94.
ี
่
่
ื
็
ิ
้
้
้
ิ
้
่
ั
จากตารางที 2 จะเหนวา ในการเริมตนของการวเคราะหเนอหานนนักวจยจะอานขอความในข้อมลท ่ ี
่
ั
ู
่
์
ิ
่
ํ
จะทําการวเคราะหเพอทาความเข้าใจกับสาระสาคัญของข้อมลเสียก่อนซงอาจจะตองอานหลาย ๆ เทยว เมอ
่
ื
่
ู
ี
่
ํ
์
้
ื
ึ
่
่
ํ
ู
้
้
้
็
ู
่
้
ิ
อานแลวก็จะสามารถกาหนดสาระสําคัญไดวาผูใหข้อมลไดกล่าวถึงอะไร ตอจากนันกพจารณาข้อมลออกมา
้
่
้
่
่
ึ
็
็
เปนส่วนยอย ๆ ซงอาจเรียกวาเปนหนวยความหมาย (Meaning Units) ตอจากนันกทาการยอหน่วย
ํ
่
้
่
็
่
่
่
้
้
ความหมายใหสันลงไปอก เรียกวาการยอ (Condensation) ในการยอนีจะตองใหแนใจวาความหมายเดมนัน
้
้
้
่
่
่
ิ
้
ี
่
ํ
่
ื
้
ั
็
่
ั
ยงคงอย ขันตอไปเปนการให้ชอหนวยความหมายททาการยอแล้วเปนรหส (Code) ขันตอไปคือการนาเอารหส
่
่
่
็
ํ
ี
ู
่
่
้
ั
์
ั
ั
ั
ั
ี
่
้
ั
ิ
ทมความสมพนธกันมารวมกลุมกันเป็นหวข้อเรือง (Category) ในบางกรณีนักวจยอาจถือเอาหวข้อเรืองนีเป็น
ี
่
่
่
้
ั
่
่
้
้
ื
ื
้
ิ
้
์
้
ื
่
้
ขันสุดทายหรอขันสูงสุดของการวเคราะหเนือหาเพอรายงานผลการวิจยก็ไดหรืออาจจะกาวไปสูขันตอไปคอ
ั
่
่
่
ั
่
่
ื
ั
ํ
ั
ํ
การนาเอาหวข้อเรืองตาง ๆ มาจดทาเป็นหวข้อเรืองหลัก (Theme) เพอรายงานผการวจยตอไป (Erlingsson
ิ
่
ิ
ั
ํ
ั
& Brysiewwicz, 2017) หรือถ้าหากนักวจยทีมความชานาญในการลงรหัสแล้วนกวจัยจะสามารถข้ามไป
ี
ิ
์
ิ
้
เรมตนจากการลงรหสเปนขันตอนแรกไดเลย นอกจากนยงเหมาะกบการวเคราะหเนือหาแบบการกําหนด
่
้
้
ั
็
ั
้
ี
้
ั
ิ
่
ึ
ิ
ทศทางล่วงหนาซงจะไดนาเสนอในตอนตอไป
้
้
่
ํ
้
ั
ิ
ุ
4. การวเคราะห์เนือหาในการวิจยเชงคณพาพสามแบบ
ิ
ั
ิ
่
ี
้
ี
ิ
ั
ี
้
ิ
การวเคราะห์เนอหามหลายแบบและมทงทใชในการวจยเชงปริมาณ (Boettger & Palmer, 2010)
ื
้
ั
การวจยเชงคุณภาพ (Zhang & Wildermuth, 2005) และการวจยแบบผสม (Hamad, Savundranayagam
ั
ิ
ิ
ิ
ิ
์
่
้
& Johnson, 2016) อยางไรก็ตาม ในบทความนีจะศึกษาเฉพาะการวิเคราะหเนือหาในการวจัยเชงคุณภาพ
้
ิ
ั
้
่
เทานน โดยจะใชวธการวเคราะหเนือหาสามแบบตามที Hsieh & Shannon (2005) ไดนาเสนอไวเปนแนวทาง
ิ
ี
ิ
ํ
์
้
้
่
็
้
้
ิ
ื
้
้
ประกอบดวยการวเคราะห์เนอหาแบบดงเดม (Conventional Content Analysis) การวเคราะห์เนือหาแบบ
ิ
ิ
ั
้
้
5 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่