Page 18 - PAAT_Journal_V2-2019
P. 18
PAAT Journal Vol. 2, No. 2, December 2019
ี
่
้
ี
็
่
ุ
ตารางท 4: เปรียบเทยบจุดแขงและจดออนของการวิเคราะห์เนือหาสามแบบ
ประเภทการวิเคราะห์เนือหา จุดแข็ง จุดอ่อน
้
่
้
้
ั
ิ
้
ู
้
้
ี
ู
แบบดังเดม ข้อมลลทไดนนมาจากผูใหข้อมล อาจจะไมสามารถทําความเข้าใจใน
่
้
ตามทีเปนจริงและความรูท ี ่ บริบทได้ครบถวน และอาจจะสับสน
่
็
้
้
เกิดขึนเกิดมาจากข้อมลของผูให้ กับการวเคราะหเนอหาทีใชในการ
้
ู
่
้
ิ
ื
้
์
ิ
ู
ี
่
ข้อมลโดยตรง ผลของการ วจยเชงคุณภาพทใชยทธศาสตร์การ
ิ
ุ
้
ั
ิ
์
่
วเคราะหใชเปนแบบการสร้ราง วจยตาง ๆ เชน การศึกษาเพอสร้าง
ื
่
้
ั
่
็
ิ
แนวคิดหรือแบบจําลอง ทฤษฎี
้
้
่
่
ี
้
ี
ํ
ู
่
แบบกําหนดล่วงหนา ทฤษฎีทมอยแลวสามารถทจะ การใชทฤษฎีนาอาจจะกอใหเกิด
้
่
ี
ั
ํ
้
ุ
ี
ไดรับการสนบสนนและขยาย ความลําเอยงอาจทาใหข้อค้นพบ
้
้
้
่
่
ตอไปได นอกจากนการใชทฤษฎี เป็นไปในทางทีสนับสนุนทฤษฎี
้
ี
ิ
ํ
่
นาทําใหพจารณาไดวานักวจัย มากกวาการไมสนบสนน และทฤษฎี
ุ
่
ิ
ั
่
้
้
ดาเนนการโดยมทศทางในการ อาจมอทธพลตอนักวจัยจนทําให ้
ิ
ี
ํ
ิ
ิ
่
ิ
ี
ิ
ิ
ั
ิ
ํ
ดาเนนการ นักวจยละเลยบริบทในการวเคราะห ์
ิ
้
ได
แบบสรุปความ เปนการวจยทไมรบกวนผให ้ ไมไดใหความสนใจในความหมายที ่
ิ
็
้
ู
้
่
ั
ี
่
้
่
ู
ู
้
่
ู
ข้อมลหรือเป็นลักษณะของการ กวางขวางทีปรากฎอยในข้อมล ม ี
่
ึ
ิ
่
ั
ั
ั
วจยเชงรับในการศกษา ประเดนปญหาเกียวกบความ
็
ิ
ปรากฏการณ์ และสามารถให้ น่าเชอถือของงานวิจย
่
ื
ั
ิ
ี
ิ
ื
้
ความเข้าใจพนฐานในวธการใช ้ (Trustworthiness) ทตององกับ
่
ี
้
คําตาง ๆ ได ้ การมความนาเชอถือ (Credibility)
่
่
ื
ี
่
มาก
ี
ู
ทมา: ใชข้อมล จาก Hsieh & Shannon, 2005, pp. 1279-1285.
้
่
่
้
ั
ุ
่
ี
ี
จากตารางท 4 จะเห็นวาการวเคราะหเนือหาทังสามแบบ มจุดแข็ง และจดออนตางกน กลาวคือ (1)
้
่
่
์
ิ
่
ุ
ิ
่
่
ํ
ี
ั
ดานจดแข็งนันการวเคราะห์เนอหาแบบดงเดมจะมจดแข็งทีสาคัญคือข้อมลทไดนนมาจากผูให้ข้อมลตามทีเป็น
ิ
่
ู
ั
้
้
้
้
ื
้
้
ุ
้
ู
ี
้
ี
จริงและความรูทเกิดขึนเกิดมาจากข้อมลของผูใหข้อมลโดยตรง ผลทไดเปนการสรางแนวคดแบบจาลอง ในณะ
้
้
่
้
ู
ี
้
ํ
ิ
่
ู
็
้
่
้
่
ทการวเคราะห์เนือหาแบบกําหนดทศทางล่วงหนาจะมจดแข็งทีสําคัญคือทฤษฎีทมอยแล้วสามารถทีจะไดรับ
่
ี
้
ิ
้
ี
่
ี
ุ
ิ
ู
่
ี
่
่
ิ
ุ
การสนับสนนและขยายตอไปได นอกจากนการใชทฤษฎนาทาใหนกวจยดาเนนการโดยมทิศทางทชดเจน
้
ี
ํ
ั
ี
ํ
้
ํ
ั
ี
้
ั
้
ี
ิ
ื
์
็
้
้
ื
ู
สําหรับการวเคราะหเนอหาแบบสรุปความจะมจดแข็งทีสําคัญคือไมรบกวนผใหข้อมลหรอเปนลักษณะของการ
ู
ี
ิ
่
่
ุ
้
ั
้
ิ
ิ
ี
์
วจยเชงรับในการศึกษาปรากฏการณนัน ๆ การวเคราะห์แบบนสามารถให้ความเขาใจพนฐานในวธการใช คํา
ี
้
้
ิ
ิ
ื
้
้
่
้
้
ิ
่
้
ื
ี
ุ
่
้
ตาง ๆ ได (Hsieh & Shannon, 2005) (2) ดานจดออน ในการวิเคราะหเนอหาแบบดังเดมจะมจดออนทีสําคัญ
่
ุ
์
่
คืออาจจะไมสามารถทําความเข้าใจในบริบทไดครบถ้วน และอาจจะก่อให้เกิดความสับสนกับการวเคราะห ์
้
ิ
้
ิ
เนอหาทใชในการวจยเชงคุณภาพทใชยทธศาสตร์การวจยตาง ๆ เชน การศกษาเพอสรางทฤษฎี (Grounded
่
ั
ื
ี
่
้
้
่
ึ
่
่
ิ
ี
้
ั
ื
ุ
ิ
ิ
Theory) ซงจะมการดาเนินการตอไปอกคือกรสร้างทฤษฎีจากข้อมล ส่วนการวเคราะหเนือหาแบบกาหนด
้
ึ
ี
ู
่
ํ
ํ
่
์
ี
่
้
่
ั
ุ
ิ
ี
ี
ํ
้
ทศทางล่วงหนานน มจดออนทสําคัญคือการใชทฤษฎีนาอาจจะกอใหเกิดความลําเอยงมากจนอาจทําให้ข้อ
่
้
้
ี
ี
ี
ั
่
ิ
ิ
่
ุ
ค้นพบเปนไปในทางทสนบสนนทฤษฎีมากกวาการไมสนับสนุน และทฤษฎีอาจมอทธพลตอนักวจยจนทําให ้
่
่
็
ิ
ั
่
ิ
้
์
้
ั
์
ิ
ี
ิ
้
ี
นกวจยละเลยบรบทในการวเคราะหแบบนได ส่วนการวเคราะหเนอหาแบบสรุปความจะมจดออนทสําคัญคือม ี
ุ
ี
่
ื
ั
ิ
10 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่