Page 17 - PAAT_Journal_V2-2019
P. 17
PAAT Journal Vol. 2, No. 2, December 2019
ิ
้
ี
ตารางท 3: เปรียบเทยบกระบวนการวเคราะห์เนือหาสามแบบ
่
ี
่
ํ
ํ
ั
ประเภทการวเคราะห์ การเริมต้น เวลาการกาหนดรหสหรือคา แหลงทมาของรหัสหรือคา
ิ
ํ
ี
่
่
ํ
เนือหา วเคราะห์ สาคญ สาคญ
ิ
้
ั
ั
ํ
ั
ิ
ู
ี
้
่
ิ
่
แบบดังเดม การสังเกต กําหนดรหสระหวางการวเคราะห์ สารในตัวข้อมลทนํามา
ิ
วเคราะห ์
ั
แบบกําหนดล่วงหนา ทฤษฎี กําหนดรหสล่วงหนาและระหว่าง ทฤษฎีหรืองานวจยท ่ ี
้
ั
้
ิ
่
การวเคราะห ์ เกียวข้อง
ิ
ั
ิ
แบบสรุปความ คําสําคัญ กําหนดคําสําคัญล่วงหนาและ ความสนใจของนกวจยหรือ
้
ั
ระหว่างการวเคราะห ์ การทบทวนวรรณกรรม
ิ
ี
ทมา: แปลจาก Hsieh & Shannon, 2005, p. 1286.
่
่
ั
ี
่
็
่
้
ื
่
ี
้
่
็
์
ิ
จากตารางที 3 จะเหนวาจากตารางท 3 จะเหนวาการวเคราะหเนอหาทังสามแบบมความแตกตางกน
่
้
่
ื
ิ
ิ
ิ
เมอพจารณาในสามมตคือ การเริมตนของการวิเคราะห์ เวลาในการกําหนดรหัสหรือความสําคัญ และ
ั
ิ
ื
ิ
ิ
่
แหล่งทมาของรหสและคําสําคัญ กล่าวคอ (1) มตการเรมตนของการวเคราะห์ ในการวเคราะหเนือหาแบบ
้
์
ิ
่
้
ี
ิ
ดงเดมนน การเรมตนของการวิเคราะห์ เริมจากการพจารณาสาระของสารในตัวข้อมลแล้ว กําหนดรหัส
ิ
ู
่
ิ
ิ
้
้
ั
่
้
ั
ํ
ั
ํ
่
ิ
(Code) จากสารในตวข้อมลนันแล้วดาเนนการกาหนดหวข้อเรือง (Category) แล้วนามาเป็นผลของการ
ู
ั
้
ํ
ั
ิ
่
ํ
่
่
ื
ี
่
ิ
วเคราะห์เพอจดทารายงานการวจย และในบางกรณอาจดําเนนวเคราะหตอไปอกไดเชน การนาหวข้อเรอง มา
ื
ิ
ั
ั
์
ี
้
ํ
ิ
็
ื
ั
้
จดทาเปนหัวข้อเรืองหลัก (Theme) ก็ได ส่วนในการวเคราะห์เนอหาแบบกําหนดทศทางล่วงหนานน เริมจาก
้
ิ
ั
่
้
ิ
่
้
ํ
่
ั
้
้
ี
ู
้
่
่
้
ี
ั
ั
ั
ํ
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ั
ทฤษฎทมอยแล้วทนักวจยนามาใชในการวจย กล่าวคือนกวจัยใชทฤษฎีเป็นตวตงแล้วกําหนดรหัสขึนมา
่
ั
ั
่
ั
่
ั
็
ํ
ั
ิ
้
ํ
ั
ั
รวมทงนารหสเหล่านนมาจดทาเปนหวข้อเรือง หริอหวข้อเรืองหลักเอาไวกอนเป็นการล่วงหน้า แล้วนกวจัยไป
้
้
้
ิ
่
ื
ี
่
็
ั
อานและพจารณาสารในตวข้อมลแล้วนําเอาสารในเนอหาของข้อมลทตรงกบรหสทกําหนดไวมาเปนรหสและ
้
ั
่
ู
ี
ู
ั
ั
ุ
่
หวข้อเรืองและหวข้อเรืองหลัก ส่วนการวเคราะห์เนือหาแบบสรปความนนไมไดใชรหส (Code) แตเริมตนจาก
ั
้
่
้
้
ั
ั
ั
่
้
้
ิ
่
่
ิ
ั
ิ
การกําหนดคําสําคญ (Keywords) แทน (2) มตทสองคือเวลาทีเริมกําหนดรหสหรือความสําคัญ ในการ
ั
่
่
ี
่
ั
้
้
้
ื
วเคราะหนน ในการวิเคราะหเนอหาแบบดงเดมการเริมตนกําหนดรหัสคอกําหนดขึนมาในระหว่างการ
ื
ั
ิ
ิ
้
้
์
่
์
ํ
ิ
ิ
็
์
้
ี
ื
้
้
้
้
วเคราะห ส่วนในการวเคราะห์เนอหาแบบกําหนดทิศทางล่วงหนานัน ตองมการกาหนดรหัสไวเปนการล่วงหนา
้
ี
้
ก่อนเริมทาการวเคราะห์และอาจจะมการกําหนดรหสเพมเตมอกไดในระหวางการวเคราะห ส่วนในการ
ํ
่
ิ
ิ
่
่
ิ
ิ
์
ี
ั
ี
้
ื
ั
ํ
ิ
ี
่
้
้
้
ี
่
้
วเคราะห์เนอหาแบบสรุปความนนมการกาหนดคําสําคัญไวล่วงหน้าและมการกําหนดขึนเพมไดอกในระหวาง
ิ
้
์
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
์
่
ี
ั
การวเคราะห (3) สําหรับในมตดานแหล่งทมาของรหัสและคาสําคัญ นนในการวเคราะหเนอหาแบบดงเดมนัน
ํ
ั
้
้
ื
้
้
์
ั
่
ิ
แหล่งทมาของรหสคอมาจากสารในตวข้อมลทนํามาวเคราะห ส่วนในการวิเคราะห์เนือหาแบบกําหนดทศทาง
ี
ิ
ั
่
ี
ู
้
ื
้
้
่
ั
ั
ี
ล่วงหนานน แหล่งทมาของรหสคือทฤษฎีหรืองานวจยทเกียวข้อง และในการวเคราะหเนือหาแบบสรุปความ
ั
่
้
่
ิ
ี
์
ิ
ิ
้
นน แหล่งทมาของคําสําคัญคอมาจากความสนใจของนักวจัยเองหรอมาจากการทบทวนวรรณกรรม
ี
ั
ื
่
ื
ื
์
สาหรับจดแข็งและจดออนของการวเคราะหเนอหาทีใชในการวจยเชงคุณภาพทงสามวธทไดนาเสนอ
ุ
ุ
่
้
ํ
ิ
ั
ํ
ิ
้
่
ิ
ี
้
่
ี
้
ิ
ั
่
ี
่
ั
้
ในบทความนีมความแตกตางกนในสาระสาคญดงปรากฏในตารางท 4
ั
ี
ํ
ั
9 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่