Page 12 - Microsoft Word - PAAT Journal V3-2020-update by ap
P. 12
PAAT Journal Vol. 2, No. 3, June 2020
ั
้
ิ
ํ
ั
ในการพฒนาอตสาหกรรมมนสาปะหลังของไทย รฐบาลไดพจารณาพนทอสานตอนล่างวามความ
ั
ุ
ี
่
่
ี
้
ื
ี
ิ
ั
ื
ี
ี
่
ั
ํ
้
ั
ั
้
่
้
พร้อมสูงเนองจากมแหล่งวตถุดบขันตนทีสาคัญ (มนสําปะหลง ออย ข้าว และยางพารา) รวมกนมากกว่าปละ
4 ล้านตน มพนทการเพาะปลกมันสําปะหลังถึง 4,493,000 ไร่ โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี มีพืนท ่ ี
ื
ี
ู
่
้
ั
้
ี
ู
่
่
ี
ั
ี
ิ
้
็
ื
ุ
เพาะปลก 445,649 ไร่ คิดเปนพนทร้อยละ 10 ของภูมภาค และภาคเอกชนมศกยภาพในการลงทนตอยอด
ุ
ั
ิ
ิ
์
ุ
ั
ั
ิ
อตสาหกรรมผลตภัณฑ์อาหารออรแกนก (ประชาชาต, 2561) โดยรัฐบาลไดเร่งผลักดนให้จงหวดอบลราชธาน ี
้
่
็
เปนคลืนลูกใหม่ทางเศรษฐกิจไทย ดําเนินการภายใต้ “โครงการพัฒนาการส่งเสริมการเกษตรการปลูกมัน
ั
ี
ํ
สําปะหลัง” หรือ “อบลโมเดล” เริมจากเกษตรกรในพนที 4 อาเภอของจงหวดอบลราชธาน ไดแก่ อาเภอนา
่
ั
้
ื
ํ
่
ุ
ุ
้
ํ
ั
ี
ํ
ํ
ี
ี
เยย อาเภอพบูลมงสาหาร อาเภอสวางวระวงศ์ และอาเภอวารินชาราบ โดยมมันสําปะหลังเป็นพืชนําร่อง
่
ิ
ํ
่
ี
ุ
ิ
ี
่
้
ื
ั
ั
เนองจากในระยะ 3 - 4 ปทผ่านมา เกษตรกรในจงหวดอบลราชธานีนยมปลูกมนสําปะหลังมากขึน (อบลไบโอ
ั
ุ
ื
ั
้
ั
๊
่
้
ี
เอทานอลกรุป, 2560) เพราะไดรบการประกนราคาจากโรงงานและมตลาดรับซอแนนอน เกษตรกรมคุณภาพ
ี
ี
่
ิ
ู
้
ี
ชวตดขึนจากการเพมขึนของรายไดและมความปลอดภัยในสุขภาพ สามารถสรางมลค่าเพิมทางเศรษฐกิจให้แก่
ิ
่
้
ี
้
้
ั
ั
จงหวดและประเทศ
่
การขับเคลอนนโยบายเศรษฐกิจชวภาพผ่านโครงการอบลโมเดล เริมตนจากภาคเอกชนคือ กลุม
่
ี
ุ
้
่
ื
ื
ื
ิ
ั
ี
่
บริษัทไบโอเอทานอลโดยอาศยความร่วมมอกับภาครัฐ คอ กรมพัฒนาทดน กรมวิชาการเกษตร และกรม
ั
่
่
ํ
ี
้
่
ั
ิ
่
่
้
ส่งเสรมการเกษตร และกลุมเกษตรในพืนทจงหวดอบลราชธานี ดาเนินการมาอยางตอเนืองตังแต่ปี 2557
ุ
ุ
นบเปนการบรณาการเพือส่งเสรมเทคโนโลยและนวตกรรมการปลูกมนสําปะหลัง โดยทกภาคส่วนไดร่วมกัน
ั
ั
ู
ี
ิ
ั
่
็
้
คิดค้นวจยพฒนาพนธมนสําปะหลัง และส่งเสริมถ่ายทอดความร เชน ปรับปรงพนธพช ปรังปรุงคณภาพดิน
้
ิ
ุ
่
ู
ุ
ุ
ั
์
ุ
ั
ั
ื
ั
ั
์
่
ปรับปรุงช่วงเวลาเพาะปลูก พัฒนาเครืองจักรในการผลิต รวมถงส่งเสรมให้เกษตรกรเข้าใจเรืองต้นทุนการรับ
ึ
ิ
่
ิ
้
ิ
ู
ื
่
้
ื
ซอและการแปรรูป (มลนิธสถาบันพลังงานทางเลอกแหงประเทศไทย, 2559) โดยใช้หลักคิด 3 ดานคือ “ดนด ี
ิ
่
ี
รายไดด สุขภาพด” ดนด คือ การไมใชสารเคมจะส่งผลให้ดินกลับมาอุดมสมบูรณ์ รายได้ดี คือ สร้างมูลค่าเพิม
้
ี
ี
่
้
ี
้
ี
่
้
้
ใหทังผูผลิตและตลาด เนืองจากเกษตรกรไดรับการประกนราคา ทําใหมรายไดแนนอนและเพมขึนจากการปลูก
้
้
่
ั
่
ิ
้
้
้
ื
่
ี
แบบทัวไป สุขภาพด คือ ผูผลิตและผูบรโภคมันใจในกระบวนการผลิตทปราศจากสารเคมปนเปอนในอาหาร
้
ี
่
ิ
้
่
ี
่
้
ี
ี
ี
อกทงเกษตรกรอยูในสภาพแวดล้อมทดก็ยงส่งผลให้มคุณภาพชวตทีดขึนด้วย
ั
่
ี
่
่
ิ
ี
้
ิ
ี
่
เมอเปรียบเทยบดานการตลาดระหวางการผลิตมนสําปะหลังในระบบดังเดมและระบบอินทรียพบวา
์
ื
่
้
้
่
ั
ี
ิ
่
ิ
่
ั
่
้
์
ี
ี
ในระบบอนทรียเกษตรกรมรายไดเฉลียทงหมด 13,500 บาทตอไร่ รายไดสุทธเทากับ 2,575 บาทตอไร่ มกําไร
้
่
้
ิ
อยที 1,565 บาทต่อไร่ หรือ 0.35 บาทต่อกิโลกรัม ตนทุนการผลิต 11,935 บาทต่อไร่ คิดเป็นต้นทุน 2.65
่
ู
่
้
บาทตอกิโลกรัม ไดกําไร 0.35 บาทตอกิโลกรัม (ราคาขาย 3 บาท ทปริมาณแปงร้อยละ 25) ส่วนการผลิตใน
ี
้
่
่
้
่
ี
ู
้
่
่
ิ
ี
้
ระบบเคม เกษตรกรมีรายไดเฉลียทังหมด 9,000 บาทตอไร่ รายไดสุทธเท่ากับ 1,600 บาทตอไร่ มกําไรอย่ที ่
่
้
่
่
้
590 บาทตอไร่ หรือ 0.13 บาทตอกิโลกรัม ตนทุนการผลต 8,410 บาทตอไร่ คิดเปน 1.87 บาทตอกิโลกรัม ได ้
่
ิ
็
่
้
่
ื
ั
์
ี
่
กําไรเพยง 0.13 บาทตอกิโลกรัม ดงนัน เมอเปรียบเทยบกันแล้วตนทนของการปลูกมนสําปะหลังอนทรียจะสูง
ิ
้
ี
ั
ุ
การการปลูกมนสําปะหลังทวไป แตผลผลิตมนสําปะหลังอนทรียไดรับการยอมรบในมาตรฐานการผลตมากกว่า
้
์
ั
ั
ั
ิ
่
ิ
ั
่
จงมีราคารับซือสูงกว่าและโอกาสทางการตลาดจึงสูงกว่า โดยเฉพาะตลาดในตางประเทศ เช่น ยุโรป และ
ึ
้
สหรัฐอเมริกา (โสภิตา สมคิด และคณะ, 2561)
4 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่