Page 14 - Microsoft Word - PAAT Journal V3-2020-update by ap
P. 14
PAAT Journal Vol. 2, No. 3, June 2020
่
้
้
ั
ั
้
of Policy) และปจจยดานสภาพแวดล้อมของนโยบาย (Context of Policy) ดงนัน บทความนีจึงแบงการ
ั
้
็
ิ
็
ี
่
นาเสนอออกเปน 2 หัวข้อตามโครงสร้างทฤษฎีของ Grindle มาใชในการวเคราะหนโยบาย และชให้เหนวา
ํ
้
์
ั
ี
็
ั
่
่
้
ั
ุ
ั
้
่
ั
้
ปจจยทเปนองค์ประกอบของการขับเคลือนนโยบายนันประกอบไปดวยปจจยใดบาง และท้ายทีสดแล้วปัจจย
ี
ั
็
ั
่
ใดทีเปนปจจยสําคัญทสุดซึงมีผลต่อการขับเคลือนนโยบายสูการปฏิบัติของจังหวัดอุบลราชธานี
่
่
่
่
สวนในเรองของระเบยบวธในการวเคราะห (Research Method) ผูวจัยใชการศึกษาจากเอกสาร
ี
้
ิ
ิ
่
์
้
ี
่
ื
ิ
ั
่
่
(Documentary Research) โดยจะแบงงานทีศึกษาเป็น 2 สวน คือ 1) เอกสารทีเกียวข้องกับปจจยทีมผลตอ
่
่
่
่
่
ั
ี
ี
ิ
่
การนานโยบายไปปฏิบต 2) เอกสารทเกียวข้องกับนโยบายเศรษฐกจชวภาพ นอกจากนี ผูวิจัยจะใช้การ
ี
ํ
ิ
่
ั
้
้
่
ี
่
ี
ี
้
ํ
ี
สัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-Depth Interview) จากผูทมส่วนเกยวข้องกับการนานโยบายเศรษฐกิจชวภาพไป
้
ี
่
้
้
่
ิ
ปฏิบต ไดแก่ กลุมเจาหนาทจากภาครัฐ ประกอบดวย กรมส่งเสรมการเกษตร กรมวชาการเกษตร และกรม
ิ
้
ิ
ั
ั
ิ
พฒนาทีดน กลุมเจาหนาทีจากภาคเอกชน คือ กลุมบริษัทอุบลไบโอเอทานอล และกลุมเกษตรกรจาก 4
่
่
้
้
่
่
่
้
อาเภอ คือ อาเภอนาเยย อาเภอพบูลมงสาหาร อาเภอสวางวระวงศ์ และอาเภอวารินชาราบ รวมทงสิน 20
ั
ั
้
ํ
ิ
ํ
ํ
ํ
ี
่
ี
ํ
ํ
ั
ั
ราย ในจานวนเหล่านมาจากผูบริหารระดบสูง ผูบริหาร ทงจากส่วนกลางและส่วนภูมภาค รวมถึงผูปฏิบัติงาน
้
ิ
้
้
้
ี
ํ
้
ี
่
ในพนท
ื
้
ี
การวเคราะห์ปัจจัยทมีผลต่อการขบเคลอนนโยบายเศรษฐกิจชวภาพของจงหวดอบลราชธานี
ุ
ั
่
ั
่
ั
ื
ี
ิ
ี
้
ิ
่
ิ
ี
ิ
จากทไดกล่าวไปแล้วในส่วนของกรอบแนวคิดในการวเคราะห์และระเบียบวธในการวจัย ในส่วนน ี ้
ผูเขียนไดแบ่งการนาเสนอการวิเคราะห์ข้อมลเปน 2 ส่วนคือ 1. ปัจจยดานเนือหาสาระของนโยบาย (Content
ํ
้
้
้
็
้
ั
ู
ั
้
ั
of Policy) และ 2. ปจจยดานสภาพแวดลอมของโครงการหรือนโยบาย (Context of Policy)
้
1. ปัจจัยด้านเนือหาสาระของนโยบาย (Content of Policy) การกําหนดเนือหาสาระของนโยบาย
้
้
ู
ั
้
้
ื
้
้
ิ
ิ
้
ิ
จากผูบรหาร เปรียบเสมอนเข็มทศใหหนวยงานผูรับผิดชอบและผปฏิบตงานเขาใจวัตถุประสงค์และแนวทาง
่
่
ั
่
้
ู
ของนโยบาย และมงหวงให้เกิดการปฏิบตงานใหสอดคล้องกับวตถุประสงคทกําหนดไว จากการศึกษาข้อมล
์
ี
้
ุ
ั
ั
ิ
ี
้
ี
พบวา นโยบายเศรษฐกจชวภาพมลักษณะบอกเป็นแนวทางปฏิบัติในภาพกว้าง ปราศจากความชัดเจน ตังแต่
่
ิ
การกําหนดวตถุประสงค ตวชวด แนวทางปฏิบต รวมถึงหนวยงานรับผิดชอบหลก ส่งผลใหเกิดความไม ่
ั
์
ั
ั
ี
่
ั
้
ิ
ั
้
ิ
่
ั
้
ั
้
ั
ั
่
่
สอดคลองระหวางการกําหนดนโยบายระดบชาตและแผนในระดบตาง ๆ ตงแตระดบกระทรวง กรม และ
จงหวด หน่วยงานผูขับเคลือนนโยบายจึงไม่สามารถตีความและแปลงนโยบายไปเป็นแผนปฏิบัติได้ถูกต้อง
ั
ั
้
่
่
้
่
็
ื
รวมถึงไมสามารถทุมเททรัพยากรเพอรับผิดชอบนโยบายไดอยางเตมความสามารถ
่
่
เมอพจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธการขับเคลือนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ สภา
ิ
ิ
ื
่
่
่
็
้
ึ
้
ขับเคลือนการปฏิรูปประเทศ ไดกําหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณเปนหนงในหนวยงานผูรับผิดชอบหลัก
์
่
่
้
ิ
ในการขับเคลือนนโยบายเศรษฐกจชีวภาพ อีกทังรัฐบาลได้บรรจุนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพลงในกรอบ
่
ิ
ิ
ี
ี
ยทธศาสตร์ชาตระยะ 20 ป พ.ศ. 2560 – 2579 และแผนพฒนาเศรษฐกจและสังคมแห่งชาต ฉบับท 12 พ.ศ.
่
ิ
ุ
ั
ุ
์
ึ
่
์
2560 – 2564 แตเมอศกษาจากยทธศาสตรเกษตรและสหกรณระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) กลับไมพบ
่
่
ื
่
่
่
่
่
ี
ู
ข้อมลเกียวข้องกับนโยบายเศรษฐกจชวภาพแตอยางใด ประกอบกับเมือตรวจสอบไปยังหน่วยงานทีเกียวข้อง
่
ิ
้
ภายใตกระทรวงเกษตรและสหกรณ หนวยงานเหลานันใหเหตผลวายงไมไดรบข้อมลเกยวกับนโยบายและไม ่
้
ุ
่
้
์
่
่
ู
่
ี
ั
ั
่
้
6 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่