Page 16 - Microsoft Word - PAAT Journal V3-2020-update by ap
P. 16
PAAT Journal Vol. 2, No. 3, June 2020
้
้
ื
ั
ั
ํ
ํ
1.3 การกาหนดนโยบายไม่สอดคลองกบบริบทของพนท หน่วยงานสวนกลางมกจะกาหนด
่
่
ี
ิ
ํ
่
ี
ั
้
้
ิ
ื
่
่
้
้
ั
่
เปาหมายใหหนวยงานระดบภูมภาคไปปฏิบตโดยไมคานงถึงปญหารากฐานสําคัญในพนท เชน ตองการให ้
ั
ึ
ั
ิ
เกษตรกรทงจังหวดเปลียนไปเปนระบบเกษตรอนทรีย แตเกษตรกรยงขาดแคลนปยอนทรีย ขาดระบบจัดการ
้
ั
ุ
์
่
็
๋
์
ิ
่
ั
ั
ํ
น้าทีเหมาะสม รวมถึงขาดแรงงานในระบบการผลิต ประกอบกบภาครัฐยังขาดการวิเคราะห์ตลาด ขาดความรู ้
่
่
ั
ิ
ิ
ในการตอยอดเปนผลิตภัณฑ์มลค่าสูง นอกจากนี รูปแบบการทําเกษตรอนทรียมมตทซบซอนและเชอมโยงกน
ี
์
ู
่
้
ี
้
ั
็
ื
ิ
่
ั
ิ
ิ
้
ั
ิ
ี
ื
ู
ื
ั
์
่
ิ
ิ
่
หลายมต แตภาครฐดเหมอนจะให้ความสําคญเพยงแค่มตดานเศรษฐกจ ยงขาดการวิเคราะหเช่อมโยงในมิติอืน
่
่
ๆ เชน ผลกระทบตอสภาพแวดล้อม
1.4 ความย้อนแย้งของนโยบายทเกยวข้อง โดยทัวไปแล้วนโยบายดานการเกษตรของ
่
่
ี
่
้
ี
็
ั
้
ื
่
์
ภาครัฐมกจะขาดความเชอมโยงและมความขัดแยงกันเองสูง สถานการณดงกล่าวสะท้อนใหเหนจากกรณท ี ่
้
ี
ั
ี
ึ
้
ั
ี
ั
ิ
รัฐบาลต้องการผลักดนนโยบายเศรษฐกิจชวภาพใหบรรลุผลในทางปฏิบต ซงแนวทางสําคัญของนโยบาย
่
ี
้
่
ี
เศรษฐกิจชวภาพนนตองไมใชสารเคมในระบบการผลิต แตในขณะเดยวกนภาครัฐกลับมนโยบายเกยวกับการ
ี
ั
ี
ั
้
่
้
ี
่
่
่
ใชสารเคมในระบบการผลิต เชน นโยบายการขึนทะเบียนสารเคม นอกจากนน การควบคุมชองทางการ
ี
้
้
้
ี
ั
ํ
ํ
่
ี
ิ
ั
ู
ั
่
ี
จาหน่ายสารเคมทไมไดมาตรฐานของภาครัฐยงหละหลวมและไมมทศทางการกากบดแลทแนชด ดงจะเห็นได้
้
ี
ี
่
ั
ั
่
่
ี
ั
ุ
้
๋
ั
ิ
ี
ั
ี
้
ื
่
จากในพนทยงมการโฆษณาและการขายตรงวตถุอนตรายทางการเกษตรเกนจริง ทําใหเกษตรกรซอปยเคมและ
ื
้
่
่
้
ิ
ั
่
ี
์
่
สารกาจดศัตรพชทีไมไดมาตรฐาน ดงนัน ในเมอภาครัฐไมมหลักเกณฑเรืองนโยบายสารเคมทีชดเจน ก็ยงทําให ้
ั
้
ื
ู
่
ั
ื
ํ
ี
่
่
่
ิ
ั
เจาหน้าทผูปฏิบัตงานและเกษตรกรเกดความสบสนในทางปฏิบต เชนนันแล้วจึงยากทจะบรรลเปาหมายที ่
ิ
ี
ิ
้
้
ั
ุ
ี
้
่
่
้
้
้
้
ตองการใหเกษตรกรเปลี่ยนไปเป็นระบบเกษตรอินทรีย์ครอบคลุมทังจังหวัด
ตามคําอธบายขางตน จะพบวาผลกระทบเชงลบของการขบเคลอนนโยบายอันเนืองมาจาก
้
ื
้
่
ั
ิ
่
ิ
่
่
เนือหาสาระของนโยบายทีขาดความชัดเจนนน ปัญหาทังหลายทกล่าวมาล้วนมความเชอมโยงและส่งผล
้
่
ี
้
ี
่
้
ื
ั
ิ
กระทบซงกันและกันทงสิน พจารณาจากการทภาครฐตองการให้หนวยงานผูปฏิบัตทําตามเป้าหมายทกําหนด
้
่
่
ึ
้
ี
ิ
ั
้
่
้
ั
่
ี
ิ
่
่
่
ั
ั
่
ื
ื
ุ
ั
ิ
แตในเมอนโยบายขาดการกําหนดแนวทางปฏิบตทีชดเจน ขาดการเชอมโยงนโยบายในทุกระดบและทกมต ิ
์
ั
้
ั
ํ
่
อยางเพียงพอ ตลอดจนขาดการกาหนดเจ้าภาพทีชดเจน หน่วยงานผูปฏิบตจงไมเข้าใจเจตนารมณทีแทจริง
่
ิ
่
่
ึ
้
่
ี
ิ
่
ั
ของนโยบาย และไมมนใจวาจะตองปฏิบตงานอยางไร นอกจากนี การทนโยบายมความไมสอดคล้องกันกับ
่
้
ี
่
่
้
ั
่
้
็
่
้
ั
ี
่
บริบทในพนทและยงขัดแยงกันเองในนโยบายทเกียวข้อง การปฏิบัตงานจึงเตมไปดวยความสับสนและไม ่
่
ี
้
ื
ิ
ั
้
่
ั
่
สามารถมองภาพร่วมกันไดทงระบบ จึงยากแกการขบเคลอนนโยบายให้บรรลุผลตามเปาหมาย
ื
้
้
ี
ทงนี ประเดนความไมชดเจนดานเนอหาสาระของนโยบายเศรษฐกจชวภาพ จากการทบทวน
้
ั
้
ั
่
็
้
ิ
้
ื
่
่
่
่
่
เอกสารทีเกียวข้อง พบวา สภาพการณ์เชนนีมักพบได้ทัวไปของการนํานโยบายด้านเกษตรไปปฏิบัติของ
้
ั
ั
ี
ํ
้
่
ิ
ประเทศไทย กล่าวคือ การกาหนดนโยบายและตวชวดไมเหมาะสมกับสภาพความเปนจริงของสังคมและวถี
็
่
ิ
ิ
ี
่
เกษตรกร ซงส่งผลกระทบโดยตรงตอประสิทธภาพและประสทธผลของการปฏิบัตงานของเจ้าหน้าทภาครฐ
ั
่
ิ
ิ
ึ
้
ี
็
้
(ปรารถนา ยศสุข, 2559) ประเดนนีสะท้อนถึงกระบวนการการกําหนดนโยบายของภาครัฐ ท่มักจะตัง
ั
ึ
ั
้
้
ึ
ิ
วตถุประสงค์หรือเปาหมายของนโยบายโดยยดจากผูบริหารระดบสูงเป็นสําคัญ ขาดการพจารณาถงบริบทใน
้
ื
ํ
ิ
่
ิ
ุ
ี
ั
พนที ภาครฐมกจะคาดหวังวาจะให้บริการและส่งเสรมคณภาพชวตของเกษตรในชนบท และกระจายอานาจให ้
ั
่
ทองถินเข้ามามส่วนร่วม อกทงยังมงหวงใหการนํานโยบายไปปฏิบตเกิดประสทธภาพ ประสิทธิผล และ
ั
้
่
ุ
ั
ิ
ิ
ิ
ี
ี
้
่
ั
้
่
8 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย