Page 19 - Microsoft Word - PAAT Journal V3-2020-update by ap
P. 19
PAAT Journal Vol. 2, No. 3, June 2020
่
ุ
้
ื
บทสรุปและขอเสนอแนะเพอปรับปรงนโยบาย
ี
่
้
ั
์
่
ั
ี
ี
้
้
ิ
จากการวเคราะหปจจัยทมผลตอการขับเคลือนนโยบายเศรษฐกิจชวภาพในขางตนนน ชใหเห็นวา
้
ี
่
้
่
ื
่
ี
้
ื
เนอหาสาระของนโยบายเศรษฐกิจชวภาพยังไมมความชดเจนเพยงพอ ส่งผลในเชิงลบต่อความเชอมโยงของ
ี
่
ี
ั
่
ี
ิ
่
็
ั
่
่
แผนปฏิบัตงานของหนวยงานในทุกระดับ อยางไรกด จะพบวานโยบายดงกล่าวยังคงสามารถขับเคลือนต่อไป
ั
ั
ี
ั
ื
่
่
้
ได เนองมาจากปจจัยดานสภาพแวดล้อมของนโยบาย นันคือ นโยบายดงกล่าวยงมความเชอมโยงกบโครงการ
้
ั
่
ื
ั
ื
ี
ี
่
ู
้
ื
็
ั
ี
่
่
่
ื
้
เดมในพนท ทสําคัญคอความร่วมมอของผทเกียวข้องกับนโยบาย นับเปนปจจยหลักทีขับเคลือนใหนโยบาย
้
ิ
่
่
ั
เศรษกิจชวภาพของจงหวดอบลราชธานีดําเนินไปอย่างราบรืนและมีความต่อเนือง เงือนไขสําคัญของความ
่
่
ุ
่
ั
ี
ิ
่
ื
ร่วมมอดงกล่าวคือ ความสัมพนธดงเดมของหนวยงานภาครัฐทใกล้ชิดกัน หนวยงานเหล่านตางมพนฐานองค์
้
ื
ั
่
ี
้
่
ั
ี
่
้
์
ี
ั
ี
่
ความรูดานการเกษตรทีสอดคล้องกัน ตลอดจนระบบการสือสารและประสานงานกันอยางมประสทธภาพ
่
่
ิ
้
้
ิ
ั
้
่
้
ั
ี
้
ั
่
ั
ื
นอกจากนันแลวภาคเอกชนนบเป็นกําลังหลักในการสนบสนุนปจจยทเกียวข้อง และใหความรวมมออนดกับ
ี
ั
่
ี
่
ิ
้
่
่
้
ุ
้
ั
ั
ั
ภาครัฐมาโดยตลอด รวมถึงทศนคตของเกษตรกรทีมความมงมนตงใจและใหความร่วมมอในทกขันตอนการ
ื
ุ
่
ั
่
ผลิต ผลการศึกษาทีเกิดขึนนสอดคล้องกับการศึกษาของ เจษฎา มงฉาย (2552) พบวา ปจจัยการประสานงาน
้
ี
่
ิ
้
และความร่วมมือ เป็นปัจจัยทีมีความสัมพันธ์ทางตรงกับประสิทธิผลของนโยบายเกษตรอินทรีย์ทีอยูในรูปของ
่
่
่
้
้
ื
่
ุ
กระบวนการเรียนรู (Learning Process) และเครอข่ายความรวมมอ (Network) โดยไดรับการสนบสนนจาก
ั
ื
็
ั
้
ุ
ั
สถาบนในชมชน ทองถิน และจากกระแสสังคม เปนภาพของการร่วมคิด ร่วมทํา และร่วมผลักดนตามบทบาท
่
้
ั
่
ั
ี
ุ
้
่
์
่
ึ
ั
และความรบผิดชอบของแตละภาคสวนทีมความสมพนธซงกันและกัน ดวยเหตน นโยบายเศรษฐกจชวภาพท ่ ี
ี
่
ี
ิ
่
ดาเนินการผานโครงการอุบลโมเดลจึงปรากฏผลผลัพธอยางเปนรปธรรม สะทอนจากความร่วมมอทสามารถ
่
้
่
ู
ํ
ื
็
์
ี
ื
่
ิ
ี
ั
ั
ั
้
่
ั
ผลักดนใหนโยบายเกดความต่อเนอง และยงสามารถตอยอดเทคโนโลยและพฒนาระบบการผลิตมนสําปะหลัง
่
้
้
ิ
้
่
อนทรีย์ กระทังผลักดันให้เกษตรกรจํานวนหนึงมีคุณภาพชีวิตทีดีขึนได้ จากผลการศึกษาดังกล่าวนี ผูเขียนมี
่
ข้อเสนอแนะเพอปรับปรุงนโยบาย ดงตอไปนี ้
่
ื
่
ั
ั
้
็
1. ภาครัฐตองกําหนดยทธศาสตร์และกรอบการพฒนาเศรษฐกจชวภาพใหเปนเอกภาพ และ
้
ี
ุ
ิ
้
้
ุ
ิ
ิ
ุ
ครอบคลมทกมต รวมถึงกําหนดเปาหมาย แผนการปฏิบัติ ตัวชีวัด ตลอดจนกําหนดหน่วยงานผูรับผิดชอบให้
้
้
ู
ิ
ชดเจน และทีสําคัญตองมอบหมายให้คณะกรรมการขบเคลือนการปฏิบตรปเศรษฐกิจชวภาพทีรัฐบาลแต่งตง ้ ั
ี
่
่
ั
ั
่
ั
ั
ขึน เปนแกนหลกในการขับเคลือนนโยบายและรับผิดชอบในการสังการโดยตรง ซงในกรณีจงหวดอบลราชธาน ี
่
ึ
ุ
่
้
ั
็
ั
่
่
้
ควรกําหนดให้กรมวชาการเกษตรเป็นผูรับผิดชอบหลัก เนืองจากมีความพร้อมทังในด้านองค์ความรูและ
้
้
ิ
ื
่
่
เจาหน้าทผูปฏิบัตการ และสามารถประสานความรวมมอกับผูทเกียวข้องไดเปนอยางด ี
้
ี
้
่
ิ
็
่
ี
่
้
้
ั
่
้
2. ภาครฐตองกาหนดหลกเกณฑ์และทศทางของนโยบายเกียวกบการใชสารเคมในภาคการเกษตรให้
ั
ี
ํ
้
ั
ิ
้
ั
ุ
่
ื
่
เข้มข้น ในลักษณะทสามารถบงคับใหเกษตรกรลดหรอเลิกใชสารเคมอยางแพร่หลาย เชน ทบทวนการอนญาต
ี
ี
้
่
้
ใหมการขนทะเบยนสารเคมกําจดศัตรูพช กําหนดหนวยงานผูรับผิดชอบในการกากับดแล ตลอดจนกําหนด
ี
ี
ื
้
ี
้
่
ู
ํ
ั
ึ
กฎหมายวาดวยการควบคุมการโฆษณาและการขายตรงวตถุอนตรายทางการเกษตร รวมถึงการสรางความ
้
ั
ั
่
้
็
้
้
ั
้
่
้
ื
่
ี
่
ั
่
ตระหนกรผ่านการฝึกอบรมแกเจาหน้าท เกษตรกร ผูประกอบการ และผูผลิต เพอเปนการสรางความมนใจ
้
ู
่
่
ิ
้
ิ
์
ใหแก่เกษตรกรในการเปลียนมาปลูกในระบบอนทรีย และสร้างแนวทางปฏิบตอยางชดเจนใหแก่หนวยงานท ี ่
่
ั
ั
้
เกียวข้อง
่
11 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่