Page 105 - Microsoft Word - PAAT Journal V5-2021-awt-v2
P. 105
PAAT Journal Vol. 3 No. 5, June 2021
แรงงานต่างชาติที่ประสบทุพพลภาพ ในประเทศตลอดชีวิต ซึ่งควรจะให้เป็นเงินก้อนเพื่อกลับไปพักในประเทศ
ต้นทาง
4. การให้สิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีตาย ในกรณีที่ผู้ประกันตนได้เสียชีวติ โดยมิได้
เกี่ยวกับการทํางาน ทายาทสามารถได้รับสิทธิตามจํานวนของการจ่ายเงินสมทบ ซึ่งกรณีนี้อาจมีข้อยุ่งยากใน
การติดตามของทายาท
5. การให้สิทธิประโยชน์สงเคราะห์บุตร สิทธิประโยชน์นี้เป็นกรณีต่อเนื่องจากการคลอด
บุตรและจะได้รับสิทธิหากได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ผู้ประกันตนสามารถ
ได้รับประโยชน์ทดแทนได้ถึงหกปี ซึ่งมีข้อสังเกตเมื่อปี 2558 มีแรงงานต่างด้าวมาใช้สิทธิเบิกเงินสงเคราะห์
บุตรเป็นจํานวนกว่า 100 ล้านบาท (ไทยรัฐ 2 กันยายน 2558)
6. การให้สิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ในกรณีนี้นั้น กฎหมายได้กําหนดให้
ผู้ประกันตนได้รับสิทธิได้จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือนหรือ 15 ปี แม้ว่าจะดูนานและ
อาจจะยากที่แรงงานต่างด้าวนั้นจะได้รับสิทธินี้ แต่จากข้อเท็จจริงคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า แรงงานต่างชาติ
โดยเฉพาะที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ได้เข้ามามานานกว่าสิบปีและมีความคุ้นเคยกับประเทศไทย
ทั้งสิ้น
สิทธิประโยชน์ในเรื่องบํานาญชราภาพนี้ ควรจะต้องสงวนสิทธิให้กับแรงงานท้องถิ่น เนื่องจาก
เป็นสิทธิประโยชน์ภายหลังการสิ้นสุดของการทํางานตามอายุงาน ดังนั้น หากลูกจ้างต่างชาติทํางานกับนายจ้าง
มานานเกินกว่าที่กฎหมายกําหนดคือ 15 ปี ควรที่จะเป็นหน้าที่ของนายจ้างที่จะจัดหาเงินตอบแทนในลักษณะ
แบบเงินสะสมที่เป็นเงินก้อนหรือเงินรางวัลและเดินทางกลับประเทศต้นทางมิใช่ให้รัฐรับเป็นผู้ดูแลและ
รับผิดชอบ
7. การให้สิทธิประโยชน์กรณีว่างาน ในกรณีนี้นักกฎหมายได้กําหนดให้ผู้ประกันตน
จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนและต้องอยู่ภายในระยะเวลาสิบห้าเดือนก่อนการว่างงาน จึง
จะเกิดสิทธิ (มาตรา 78) ในกรณีนี้มีข้อสังเกตที่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากกฎหมายได้กําหนดเกี่ยวกับทั้งการฝึก
อาชีพและการเสนองานให้แก่ผู้ประกันตน จึงเป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า จะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่ต้องฝึก
อาชีพและการจัดหางานให้กับคนต่างด้าว นอกจากนี้สัญญาจ้างแรงงานมีข้อกําหนดของระยะเวลาในการ
ทํางานและเป็นไปตามลักษณะงาน ครั้นเมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง ลูกจ้างแรงงานต่างชาติก็จะต้องเดินทางกลับ
ประเทศต้นทางมิใช่เป็นภาระให้กับรัฐผู้ต้องรับผิดชอบ มิฉะนั้น จะทําให้สิทธิประโยชน์ในการว่างงานของ
แรงงานต่างด้าวนั้น กลายเป็นสิทธิประโยชน์เมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง
นอกจากสิทธิประโยชน์ที่แรงงานต่างด้าวได้รับ 7 ประการตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมี
ข้อสังเกตที่เป็นนัยสําคัญของการให้สิทธิประกันสังคมของแรงงานต่างด้าวอีก ดังนี้
1) กฎหมายประกันสังคมถือเป็นกฎหมายพิเศษ ที่กําหนดให้รัฐบาล นายจ้างและ
ลูกจ้าง จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน (พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 มาตรา 46) ตามจํานวนของ
ผู้ประกันตน โดยไม่มีบทบัญญัติในเรื่องสัญชาติของลูกจ้างซึ่งอาจเป็นเพราะสถานการณ์ด้านแรงานต่างด้าวนั้น
ยังไม่รุนแรงเท่าในปัจจุบัน จึงมิได้กําหนดไว้ ฉะนั้น เมื่อรัฐจึงมีภาระต้องจ่ายเงินสมทบให้กับแรงงานต่างด้าว
ด้วย จึงเป็นที่น่าเป็นห่วงว่า หากแรงงานต่างด้าวไม่ว่าสัญชาติใดมีจํานวนเพิ่มมากขึ้นเช่นนี้ รัฐจะต้องมีภาระ
เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย และอาจจะเกิดปัญหาทั้งในเรื่องของงบประมาณแผ่นดิน และความเหลื่อมล้ําระหว่าง
คนในชาติกับคนต่างชาติ จนอาจมีผู้มีความคิดเห็นต่างว่า เหตุใดจึงนําเงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมาจากภาษี
ของประชาชนคนไทยไปช่วยแรงงานต่างชาติ อีกทั้ง รัฐจะต้องจัดหางบประมาณเท่าใดจึงจะเพียงพอกับการ
จ่ายเงินสมทบ
98 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย