Page 171 - thaipaat_Stou_2563
P. 171

งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓



                       ด้วยเหตุนี้ประเด็นเรื่อง “ความหมายอ านาจสถาปนาในรัฐธรรมนูญสารที่อนาคตใหม่ต้องการส่งต่อให้

               ประชาชน” จึงเป็นเพียงข้อสังเกตของผู้เขียนที่มองว่าถ้าอานาจสถาปนาเป็นของประชาชนตั้งแต่การเริ่มก่อตั้ง
               รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญนั้นย่อมยึดโยงและเกี่ยวพนกับประชาชนโดยปกป้องดูแลประชาชนสมตามเจตนารมณ์
                                                        ั
               ของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอานาจอธิปไตยอย่างแท้จริง แต่ในเมื่อ


               ความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมาท าให้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถูกสร้างขึ้นด้วยอานาจเผด็จการที่สร้าง
               ความชอบธรรมให้กับตัวเองผ่านวาทะกรรมการยุติความขัดแย้ง ด้วยความเป็นเผด็จการที่แสดงตนเป็นผู้ทรง

               สิทธิ์ในการสถาปนารัฐธรรมนูญขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นการแปลกแต่อย่างใดที่โครงสร้างและสถาบันทาง

               การเมือง องค์กรของรัฐ องค์กรอสระ จะตอบสนองและคุ้มภัยให้แก่รัฐบาลที่สืบทอดอานาจเผด็จการนี้ถึงแม้
                                           ิ
               จะอางความเป็นประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง แต่ก็หาใช่ประชาธิปไตยตามหลักสากลไม่ ฉะนั้นหากกล่าวไป
                   ้
               แล้วอาจเป็นได้เพยงเผด็จการครึ่งใบเพราะตอนเป็น คสช. มีอานาจเต็มใบ แต่หลังจากการเลือกตั้งมีรัฐสภาใน
                              ี

               การตรวจสอบอ านาจจึงเหลือเพียงครึ่งใบ
               ระบอบประชำธิปไตยผ่ำนพื้นที่กำรช่วงชิงอ ำนำจทำงกำรเมือง


                       ปัญหาทางการเมืองไทยที่ผ่านมาเกิดจากการละเลยและไม่สนใจกับการท าความเข้าใจเรื่องที่มาของค า
               ว่ารัฐธรรมนูญจนท าให้เกิดการตีความหมายของรัฐธรรมนูญเออประโยชน์ในเชิงการเมืองมากกว่าจะเป็น
                                                                     ื้
               ผลผลิตของการเป็นปฏิปักษ์กับระบอบการเมืองเก่า ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาทางการเมืองโดยสร้างเครื่องมือและ

                                   ื่
               องค์กรต่างๆ ขึ้นมาเพอแก้ไขก็ย่อมไม่สอดคล้องและไม่ค านึงถึงหลักการและที่มาของค าว่ารัฐธรรมนูญ
               สถานการณ์ดังกล่าวได้หยั่งรากลึกฝังเข้าไปในความรู้สึกและสามัญส านักของประชาชนว่าเมื่อไหร่ที่มีการ
               พฒนาประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้ง ผลลัพธ์ท้ายสุดที่ตามมาก็คือการเกิดการรัฐประหารและมีรัฐบาลทหาร
                 ั
               เกิดขึ้นจนกลายเป็นวงจรการเมืองไทยที่ประชาชนของรัฐคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเริ่มจากการฉีก
               รัฐธรรมนูญ การเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ การจัดการเลือกตั้ง มีการปกครองรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง

               น ามาสู่การรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ และย้อนกลับไปเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ฉะนั้นจากบริบทเหล่านี้ผู้เขียนจึง
                                                                      ั
               น าเสนอให้เห็นภาพว่าปัญหาวงจรชีวิตของความล้มเหลวในการพฒนาประชาธิปไตยเกิดจากการไม่สนใจกับ
               การท าความเข้าใจเรื่องที่มาของค าว่ารัฐธรรมนูญจนท าให้เกิดการตีความหมายของรัฐธรรมนูญเออประโยชน์
                                                                                                ื้
               ในเชิงการเมืองซึ่งอาจไม่สอดคล้องกบวิถีของระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ตระหนักและให้ความส าคัญ
                                             ั
               กับวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมทางการเมืองพร้อมๆ กับการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองเป็นอย่างดี โดย
                                  48
               อลมอนด์และเวอร์บา  ได้เสนอแนวคิดเรื่องวัฒนธรรมสาธารณะ (The Civic Culture) ไว้ว่าเป็นรากฐาน
                 ั
               ส าคัญที่ท าให้ระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยสามารถด าเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสเถียรภาพ
               กล่าวคือ ประชาชนจะต้องมีการยึดถือค่านิยมและวัฒนธรรมบางอย่างร่วมกันอย่างเหนียวแน่น เช่น ค่านิยม
               ความเชื่อ ความรู้สึกร่วม หรือความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับการเมือง ควบคู่ไปกับการตั้งข้อสงสัยในตัวผู้น าทาง
                                               49
               การเมือง นอกจากนี้ ลินซ์และสตีพาน  ได้ให้ข้อเสนอว่าระบอบประชาธิปไตยจะมีประสิทธิภาพ เป็นปึกแผ่น
               และมั่นคงได้ ขึ้นอยู่กับการที่ระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ยอมรับของผู้คนในแวดวงการเมืองในจ านวนมากและ

               ประชาชนส่วนใหญ่ ทั้งนี้ ยังเสนออกว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นการเมืองที่ทุกคนควรยึดถือและสนับสนุน
                                             ี


               48  Almond and Verba. (1980). The Civic Culture Revisted. Boston : Little Brown. อ้างใน วัฒนา สุกัณศีล. (2555). จากการเมืองของ
               รากหญ้า สู่ประชาธิปไตย 100 %. กำรเมือง-ประชำธิปไตยในท้องถิ่นภำคเหนือ. เชียงใหม่: ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์
               มหาวิทยาลัยเชยงใหม่.
                         ี
               49  Linz, J., and A, Stepan. (1996). Problems of democratic transition and consolidation: Southern Europe, South
               America and post communist Europe. Baltimore: John Hopkins University Press.
                                                                                                     169
   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176