Page 167 - thaipaat_Stou_2563
P. 167

งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓



                  ี
               เพยงภาพสะท้อนของความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยไทยที่ชนชั้นน าบางกลุ่มไม่ยอมให้เกิดการ
               เปลี่ยนแปลงโดยคนรุ่นใหม่ แต่ในทางกลับกันพรรคอนาคตใหม่ก็ถือว่าเป็นเชื้อไฟในการปลุกเร้าให้ประชาชน


               ทั่วไป (ไม่เจาะจงแค่กลุ่มคนรุ่นใหม่) ได้หันมาสนใจการเมือง รู้ถึงอานาจและหน้าที่ของตนเองว่าเป็นเจ้าของ
               อ านาจอธิปไตยตัวจริงตามระบอบประชาธิปไตยสากล

               นโยบำยพรรคอนำคตใหม่บนฐำนกำรเมืองภำคพลเมือง


                                                                          ่
                       ค าถามส าคัญที่นักอนุรักษ์นิยมสงสัยว่า “ท ำไมกลุ่มคนรุ่นใหมจึงให้ควำมสนใจพรรคอนำคตใหม”
                                                                                                        ่
               นั้น เมื่อพิจารณาจากหน้าที่และบทบาทของพรรคการเมืองโดยทั่วไป 6 ประการ  พบว่า 1.พรรคถูกจัดตั้งมา
                                                                                 39
               ถูกต้องตาม พรบ.พรรคการเมืองฯ พรรคท าหน้าที่เลือกบุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขต โดยเน้น
               ความหลากหลายและเป็นคนรุ่นใหม่ ประชาชนจึงตัดสินใจเลือกทั้งตัวแทนของพรรคเองและเลือกที่ตัวพรรค
               โดยไม่สนใจว่าตัวแทนพรรคจะเป็นใคร จนได้คะแนนนิยมโหวตเป็นอันดับ 3 รองจากพรรคพลังประชารัฐและ
               พรรคเพอไทยตามล าดับ 2.สมาชิกพรรคมีอดมการณ์การร่วมกันที่ชัดเจน มีศักยภาพและมีทิศทางในการ
                                                     ุ
                       ื่
                                    ื้
               สื่อสารกับประชาชนในพนที่สาธารณะไปในทิศทางเดียวกัน 3.พรรครวบรวมประเด็นปัญหาในสังคมที่เป็น
                                        ื้
               ข้อเท็จจริง ผนวกกับการลงพนที่เชิงรุกมาน าเสนอให้ประชาชนให้รับทราบ และผันแปรประเด็นต่างๆ ให้เป็น
                                                                                                40
               นโยบายในการหาเสียง ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ผ่านโลกออนไลน์เป็นส าคัญ  4.พรรค
               กระตุ้นความสนใจทางการเมืองและดึงดูดประชาชนที่เบื่อหน่ายการเมืองแบบเก่า (ประชาธิปไตยแบบตัวแทน


               : Representative Democracy) กับกลุ่มคนที่ต่อต้านอานาจเผด็จการให้มาเป็นสมาชิกพรรค/มีความคิดเห็น
               ไปในทิศทางเดียวกับพรรค เพอเป็นการสร้างฐานเสียงในการเลือกตั้ง 5.พรรคมีการวางแผนและจัดบุคคลที่มี
                                        ื่
               ความรู้ความสามารถในประเด็นต่างๆ ร่วมกันการแถลงนโยบายทั้ง 12 วาระ อย่างเปิดเผย และ 6.พรรคเป็น
               กระบอกเสียงให้แก่ประชาชน เชิดชูความเป็นประชาธิปไตยที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือที่หมู่
                                                                                               41
               นักวิชาการทางรัฐศาสตร์เรียกว่า “ประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ (Deliberative Democracy) ”
                        ตามมุมมองของผู้เขียนมองว่าตามหน้าที่และบทบาทข้างต้นจะกระท าได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ต้อง
               อาศัยปัจจัยเกื้อหนุนอยู่หลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่ส าคัญที่สุด คือ การที่พรรคให้ความส าคัญกับการมีส่วนร่วมของ
               ประชาชน กระตุ้นจิตส านึกของพลเมืองในสังคมประชาธิปไตยในไทยให้กลับมาสนใจการเมือง การต่อต้าน


               อานาจเผด็จการด้วยการชูนโยบาย “ถ้ำชนะเลือกตั้งจะแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ” โดยจะกระท าการ
               อย่างรอบคอบและเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ มีการส่งตัวแทนลงพนที่
                                                                                                       ื้
               ส ารวจปัญหา ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็เช่นท ากัน แต่พรรคนี้มีความพิเศษกว่าพรรคอื่นตรงที่น าข้อมูลที่ได้จากพน
                                                                                                        ื้
                                           ื้
               ที่มาประมวลผลก่อนน าเสนอต่อพนที่สาธารณะอย่างมีหลักการและเหตุผลเชิงวิชาการ การท าให้พรรคเป็นของ
               ประชาชน (ประชาชนทุกคนคือหุ้นส่วนของพรรค) มุ่งการท างานระยะยาวด้วยการผลิตหน่วยงานทางการเมือง
                                                                                                      ิ
               มารองรับการท างานภาคสังคมคู่ขนานกับการท างานภาคการเมือง คือ การจัดตั้งมูลนิธิที่ท างานอย่างอสระ
               สนับสนุนกิจกรรมของเยาวชน และจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นพื้นที่ในการทดลองนโยบายของพรรค ช่วยเพิ่ม
                            ั
                                  ื้
               ความสัมพนธ์อนดีกับพนที่/เครือข่ายภาคพลเมือง พรรคนี้จึงเป็นกลไกที่ส าคัญในการประคับประคองการเปิด
                        ั

               39  วิทยา นภาศิริกุลกิจ และคณะ. (2539). พรรคกำรเมืองและกลุ่มผลประโยชน์. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยรามค าแหง. พิมพ์ครั้งที่ 8.
               หน้า 15-24.
               40  วรัชญ์ ครุจิต. (2562). วิเครำะห์ยุทธศำสตร์กำรท ำ Branding ของ “พรรคอนำคตใหม่”. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562, แหล่งที่มา :
               http://thaitribune.org/contents/detail/302?content_id=35012&rand=1553585660.
               41  ชลัท ประเทืองรัตนา และสติธร ธนานิธิโชติ. (2559). องค์ควำมรู้ว่ำด้วยประชำธิปไตยแบบปรึกษำหำรือส ำหรับสังคมไทย. ใน การประชุม
               วิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่18. หน้า 207-226. กรุงเทพมหานคร : สถาบันพระปกเกล้า. หน้า 210.
                                                                                                     165
   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171   172