Page 141 - thaipaat_Stou_2563
P. 141
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
ข้อเรียกร้องให้น าแนวคิดเรื่องความเป็นธรรมทางสังคมมาใช้ในการศึกษาและการท างานของรัฐประ
ศาสตร์นั้นเกิดขึ้นภายใต้บริบทของสหรัฐอเมริกาในช่วง ค.ศ. 1960 ที่ต้องเผชิญกับปัญหารอยแยกทางสังคม
ั
(social cleavage) อนเกิดจากความขัดกันระหว่าง 2 สิ่ง คือ การด าเนินเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่ต้องอาศัย
ความเหลื่อมล้ า (inequality) ในการอยู่รอด กับการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่ให้ความส าคัญกับ
ความเท่าเทียมระหว่างบุคคล (equality) ภายใต้ความเท่าเทียมตามกฎหมาย (Guy and McCandless,
ื้
2012, p. s5) หรือความเท่าเทียมทางโอกาสที่เออต่อการล่าฝันของคนอเมริกัน (Americans dream) ความ
ขัดกันระหว่างสองสิ่งนี้ท าให้เกิดช่องว่างระหว่าง “คนมี” และ “คนไม่มี” ที่ต้องเผชิญกับการไม่ถูกนับรวมให้
ร่วมฝัน ความขัดกันนี้ไปถูกแปรเปลี่ยนเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมจากกลุ่มผู้คนที่เสียเปรียบในสังคม
เช่น ผู้หญิง คนผิวสี เป็นต้น ผลของเหตุการณ์ท าให้เกิดความพยายามใช้แนวคิดเรื่อง “ความเป็นธรรมทาง
สังคม” เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความสัมพันธ์ทางอ านาจที่ไม่เท่าเทียมดังกล่าว (Gooden, 2015, p. 372)
ความเป็นธรรมทางสังคมเป็นแนวคิดที่ให้ความส าคัญกับเรื่องการกระจาย-แจกจ่ายความยุติธรรม
ุ
(distribution of fairness) ของกลุ่มคนที่เสียเปรียบในสังคมโดยค านึงถึงปัจจัยที่เป็นอปสรรคของความ
เสียเปรียบดังกล่าว (Gooden, 2015, p. 373) ความเป็นธรรมทางสังคมจึงพงเป้าหมายไปที่ปัญหา
ุ่
ั
“ความสัมพนธ์ทางอานาจที่ไม่เท่าเทียม” ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างความเสมอภาค (equality) และความ
เป็นธรรม (equity) เป็นสองค าที่มักถูกใช้สลับไปมา อย่างไรก็ตามสองค านี้มีความต่างที่ชัดเจน คือ ความเสมอ
ภาค (equality) จะมีลักษณะของความเหมือนกัน (one size fits all) เช่น การที่คนทุกคนความเท่าเทียมใน
สายตาของกฎหมาย ขณะที่ความเป็นธรรมไม่ได้มีนัยยะของความเหมือนกันดังกล่าว แต่ให้ความส าคัญกับการ
ท้าทาย “ความสัมพนธ์ทางอานาจที่ไม่เท่าเทียม” ในสังคมโดยยึดโยงความส าคัญกับบรรดาผู้ที่เสียเปรียบใน
ั
25
ุ
ี
สังคม อกทั้ง ความเป็นธรรมยังมีลักษณะของ “การทับซ้อน” (intersection) ระหว่างปัจจัยที่เป็นอปสรรค
26
เช่น เชื้อชาติ สีผิว ชนชั้น ศาสนา สถานะทางสังคมและสังคม เป็นต้น (Guy and McCandless, 2012, p.
s10) ฉะนั้น หากพจารณาในทางปฏิบัติแล้ว การได้มาซึ่งความเสมอภาคอาจเป็นสิ่งที่ท าได้ง่ายกว่าความเป็น
ิ
ธรรม (Guy and McCandless, 2012, pp. s5 - s6) แต่นั่นก็ไม่สามารถปฏิเสธความส าคัญของความเป็น
ธรรมทางสังคมไปได้
ความเป็นธรรมทางสังคมจึงมีความส าคัญอย่างมากกับรัฐประศาสนศาสตร์ในฐานะที่ต้องรับใช้
ประชาชน ทั้งส่วนการก่อร่างนโยบาย การน านโยบายไปปฏิบัติ และให้บริการโดยค านึงถึงผู้ที่ได้รับกระทบและ
ผู้ที่เสียเปรียบในสังคม (Frederickson, 2010, Gooden, 2015, p. 377) จากกรณีการเข้าไม่ถึงไฟฟาของ
้
ึ
ชาวบ้านหนองตาแต้มจากการถูกปฏิเสธสิทธิในการรับบริการสาธารณะที่พงได้จากรัฐภายใต้ข้อโต้แย้งว่าการที่
้
ื่
ชาวบ้านรุกล้ าพนที่ของค่ายธนะรัชต์เป็นการกระท าที่ผิดกฎหมาย ชาวบ้านจึงไม่มีสามารถอางสิทธิเพอขอรับ
ื้
25 เช่น การเข้าศกษาในโรงเรียนของที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ในสายตาของความเสมอภาคอาจท าได้โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้เข้าศกษา
ึ
ึ
ิ
เหมือนกันทุกคนโดยอาจไม่ค านึงถึงอุปสรรคทางภาษา แต่ในสายตาของความเป็นธรรม เด็กคนดังกล่าวจ าต้องได้รับการสอนเพิ่มเตมเพื่อให้เขาพูด
ภาษาไทยได้และเข้าใจการเรียนการสอนทัดเทียมกับนักเรียนคนอื่น
26 เช่น ปัญหาการเข้าเข้าโรงเรียนของลูก “แรงงานข้ามชาติ” ที่ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ สะท้อนถึงความทับซ้อนกันระหว่างปัญหาความไม่เป็น
ธรรมที่เกิดขึ้นจากปัจจัยด้านเชื้อชาติ และสถานะทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
139