Page 255 - thaipaat_Stou_2563
P. 255

งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓



               สาธารณะ การบริหารงานบุคคล และการคลัง โดยระบุถ้อยค าว่า “อิสระ” และ “นโยบาย” เอาไว้อย่างชัดเจน
                                                                                ิ
               ในตัวบทมาตราแรกๆ ในหมวดการปกครองส่วนท้องถิ่น การยืนยันความเป็นอสระในการก าหนดนโยบายด้าน
               ต่างๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับว่ารัฐแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นในท้องถิ่นมากพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้น

               รัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับยังได้ระบุให้รัฐจัดท าแผนการกระจายอานาจอย่างต่อเนื่องด้วย ในประเด็นนี้นับว่า
                                        ื้

               สอดคล้องกับแนวนโยบายพนฐานแห่งรัฐในรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่ระบุให้การกระจายอานาจสามารถ
               พึ่งตนเองและตัดสินใจในกิจการท้องถิ่นได้เองเป็นแนวนโยบายพื้นฐานด้วย
                                                                                       ิ
                          ี
                       ในอกทางหนึ่ง ตัวบทรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กลับไม่พบว่ามีการให้ “อสระ” ในการก าหนด
               “นโยบาย” แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่อย่างใด เช่นนี้แล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญ
                                                                     ี

               พ.ศ. 2560 จึงเป็นหน่วยงานที่มีอานาจและหน้าที่จ ากัดอยู่เพยงการ “ดูแลและจัดท าบริการสาธารณะ”
               เท่านั้น และไม่พบข้อความที่ระบุถึง “นโยบาย” แต่อย่างใด ทั้งนี้หากพจารณาบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องในหมวด
                                                                          ิ
                                                                                    ี
                           ื้
                                                                                                ึ
                                                                                                  ั
               แนวนโยบายพนฐานแห่งรัฐก็จะพบว่ามีความสอดคล้องต้องกันด้วย เพราะระบุว่าเพยงว่ารัฐต้องพงพฒนาการ
               บริหารราชการแผ่นดินทั้งราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการ
               บ้านเมืองที่ดีเท่านั้น ไม่ได้ระบุถึงความอิสระหรือการตัดสินใจได้เองในกิจการท้องถิ่นแต่อย่างใด

                       ดังนั้นจึงสรุปว่า รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ได้สานต่อแนวคิดเรื่องการกระจายอานาจจาก
               รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ดูจะจ ากัดการกระจายอานาจส่งท้องถิ่นลงอย่างมี

               นัยส าคัญ และมิทิศทางที่จะดึงเอาอานาจในการก าหนดนโยบายในระดับท้องถิ่นจากองค์กรปกครองส่วน

                                                                                            ิ
               ท้องถิ่นเข้าสู่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับก่อนหน้าที่ให้อสระในระดับการ
               ก าหนดนโยบายด้านต่างๆ มากพอสมควร ความแตกต่างกันในประเด็นนี้อาจวิเคราะห์ถึงสาเหตุได้หลายหลาย
               ประการ ในทางหนึ่ง คงมองได้ว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 อาจเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของ
               ส่วนรัฐต่อศักยภาพในการด าเนินการในด้านดังกล่าวขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าอาจไม่สามารถ
                                                                                    ิ
               ด าเนินงานในด้านดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นได้ ซึ่งในประเด็นนี้คงต้องพจารณาต่อไปในอก 2 มิติ
                                                                                                   ี
               ข้างหน้า
                       กำรได้มำซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
                       ในด้านการได้มาซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น รัฐธรรมนูญฉบับทั้งสามฉบับระบุตรงกันว่า สมาชิก
               สภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญ

               ฉบับ พ.ศ. 2550 ระบุว่าให้สมาชิกสภาท้องถิ่นมีวาระไม่เกิน 4 ปี ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 ไม่ได้
               วาระเอาไว้แต่อย่างใด
                       ข้อแตกต่างประการหนึ่งในประเด็นนี้ก็คือ ในด้านที่มาของผู้บริหารท้องถิ่น รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.
               2540 ระบุว่าต้องมาจากการเลือกตั้งของประชน ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 และรัฐธรรมนูญฉบับ

               พ.ศ. 2560 ระบุพ้องกันว่าให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่นก็ได้
               กระนั้นก็ดี แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันเช่นนี้แต่ก็คงกล่าวได้ว่ารัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับยังคงหลักการในการ
               ได้มาซึ่งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยคนท้องถิ่นเองอยู่เอง
                       ข้อแตกต่างประการส าคัญทก็คือ การได้มาซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งรัฐธรรมนูญ
                                             ี่
               พ.ศ. 2560 ระบุว่าให้ได้มาจากวิธีการอื่นได้ (ไม่ได้ระบุวิธีการ) ขณะที่อีกสองฉบับระบุว่าให้มาจากการ
               เลือกตั้ง ในประเด็นนี้จึงสามารถตีความได้ว่ารัฐสามารถจัดการให้มีองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษได้
               เอง แม้ว่าจะมีการระบุไว้ด้วยว่าให้ค านึงถึงความต้องการของคนในท้องถิ่นก็ตาม เพราะตัวบทเองไม่ได้ระบุให้
               ชัดว่าการค านึงถึงความต้องการของคนในท้องถิ่นว่ามีวิธีการรับฟังหรือหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไรบ้าง




                                                                                                     253
   250   251   252   253   254   255   256   257   258   259   260