Page 257 - thaipaat_Stou_2563
P. 257
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
พนักงานท้องถิ่นด้วย ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ไม่ได้ระบุประเด็นนี้เอาไว้แต่อย่างใด จึงท าให้ยังไม่สาม
รารถชี้ชัดลงไปได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีทิศทางในเรื่องนี้อย่างใดแน่
ั้
จากที่กล่าวมาทงหมดจะเห็นว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ได้วางหลักการ ทิศทาง และออกแบบกลไก
ต่างๆ ในการกระจายอานาจไว้เป็นเค้าโครงให้รัฐธรรมนูญฉบับต่อมาได้สานต่อเรื่องดังกล่าว โดยที่รัฐธรรมนูญ
ิ่
พ.ศ. 2550 ได้รักษาหลักการดังกล่าวไว้อย่างครบถ้วนพอสมควรและได้เพมกลไกการการตรวจสอบโดยคนใน
ท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจนด้วยว่าให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรายงานผลการด าเนินงานต่อประชาชนด้วย
ในขณะที่ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ดูจะมิทิศทางในการดึงอานาจกลับสู่ส่วนกลางมากกว่า โดยเฉพาะการตัด
อานาจในการก าหนดนโยบายและการเปิดช่องให้รัฐสามารถจัดการให้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบ
พิเศษได้เอง
ื่
วัตถุประสงค์ของของการวิจัยในครั้งนี้นอกจากเพอศึกษาความเปลี่ยนแปลงของการกระจายอานาจสู่
ั
ท้องถิ่นในรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับแล้ว ยังต้องการศึกษาความสัมพนธ์ระหว่างระบอบการเมืองอนเป็นที่มาของ
ั
ั
รัฐธรรมนูญกับการพฒนาประชาธิปไตยผ่านการประเด็นเรื่องการกระจายอานาจสู่ท้องถิ่นด้วย และจาก
การศึกษาพบว่า ระบอบการปกครองและกลไกของการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญดูจะไม่ได้แปรผลโดยตรงสู่ทิศทาง
การกระจายอานาจสู่ท้องถิ่นแต่อย่างใด เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ล้วน
เป็นผลมาจากกลไกที่มาจากธรรมนูญการปกครองของคณะรัฐประหารด้วยกันทั้งสิ้น ในแง่นี้ จึงต้องพจารณา
ิ
ื่
ปัจจัยอนๆ ที่น่าจะมีผลในการก าหนดทิศทางดังกล่าวมากกว่าปัจจัยเรื่องที่มา เช่น ปัจจัยด้านเจตนารมณ์ทาง
การเมือง และความมุ่งหมายในการกลับคืนสู่ประชาธิปไตยว่ามีความเข้มข้นมากน้อยเพียงใด
ข้อเสนอแนะ
ี
ในแง่หนึ่ง การวิจัยนี้เป็นการส าหรับการประเมินทิศทางการกระจายอานาจเพยงในมิติเดียว คือ มิติ
การออกแบบการกระจายอานาจเท่านั้น ยังไม่ได้ประเมินในมิติด้านผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงภายใน
ท้องถิ่น และมิติด้านเนื้อหาและความเขาใจ แต่อย่างใด (โปรดดู ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์, 2555, น. 17-18) ในแง่
้
้
นี้ในการศึกษาต่อไปจึงอาจท าการศึกษาประเมินในอกสองมิติขางต้นด้วยเพอการศึกษาครอบคลุมทั่วด้านมากขึ้น
ี
ื่
ี
ในอกทางหนึ่งงานวิจัยนี้ยังไม่ได้เน้นจุดสนใจไปที่การขยายตัวของการรวมศูนยอานาจแบบกระจัด
กระจาย (fragmented centralization) ซึ่งเกิดขึ้นจากการขยายอ านาจของส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในเวลา
เดียวกันกับที่มีการกระจายอานาจสู่ท้องถิ่นด้วย แม้ว่าไม่น่าจะมีบทบัญญัติในกฎหมายอนๆ ที่ขัดหรือแย้งกับ
ื่
ิ่
ิ
บทบัญญัติรัฐธรรมนูญก็ตาม การพจารณาถึงการเพมขึ้นหรือลดลงของอานาจส่วนกลางและส่วนภูมิภาคก็
ย่อมจะช่วยฉายให้เห็นว่าแท้จริงแล้วอานาจที่ถูกกระจายลงไปสู่ท้องถิ่นนั้นได้ไปเพมอานาจให้กับท้องถิ่นมาก
ิ่
น้อยเพียงใดด้วย
เอกสำรอ้ำงอิง
โกวิทย์ พวงงาม. (2555). กำรปกครองท้องงถิ่นไทย หลักกำรและมิติใหม่ในอนำคต, กรุงเทพ: ส านักพิมพ์วิญญูชน.
จรัส สุวรรณมาลา และคณะ. (2554). ประเด็นท้ำทำยกำรกระจำยอ ำนำจและกำรปกครองท้องถิ่นไทย.
กรุงเทพ: ศูนย์ส่งเสรินวัตกรรมและธรรมาภิบาลท้องถิ่น คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชาติชาย ณ เชียงใหม่. (2560) ใน คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์และส ารวจความคิดเห็นของประชาชนใน
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ. สรุปสำระส ำคัญร่ำงรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทยโครงกำร
เสริมสร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจรัฐธรรมนูญแก่สื่อมวลชน.
ธเนศวร์ เจริญเมือง. (2553). ทฤษฎีและแนวคิด: กำรปกครองท้องถิ่นกับกำรบริหำรจัดกำรท้องถิ่น (ภำค
แรก). กรุงเทพ: โครงการจัดคบไฟ.
255