Page 33 - thaipaat_Stou_2563
P. 33
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
ี
แผนการให้บริการก็ยังไม่เป็นระบบและรูปแบบที่ดีพอส่งผลให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สูงอายุเพยงบางกลุ่มเท่านั้น
ไม่สามารถกระจายได้ทั่วถึงและตอบสนองต่อความต้องการแท้จริงของผู้สูงอายุบริการต่าง ๆ ที่จัดขึ้นยังมี
ลักษณะไม่กระจายตัว การด าเนินงานในส่วนขององค์การภาครัฐหรือเอกชนค่อนข้างจะจ ากัดทั้งในด้านปริมาณ
และรูปแบบ การให้บริการแก่ผู้สูงอายุจึงยังไม่สามารถบริการได้อย่างทั่วถึงและไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหา
ี
และความต้องการของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง (สุชรินทร์ พรยานันท์ และไพโรจน์ ภัทรนรากุล, 2559: 60)
สอดคล้องกับ วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย และคณะ (2561: 105) ที่กล่าวว่า ผู้สูงอายุด้อยโอกาสยังเข้าไม่ถึง
ี
สวัสดิการสังคมตามนโยบายที่รัฐจัดให้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริการสุขภาพ เบี้ยยังชีพไม่เพยงพอต่อ
ี
การยังชีพขาดหลักประกันด้านรายได้เพราะไม่มอาชีพ นโยบายกู้ยืมเงินกองทุนผู้สูงอายุเพื่อประกอบอาชีพเพม
ิ่
รายได้ให้ผู้สูงอายุด้อยโอกาสในเมืองมากกว่าชนบท นโยบายที่ด าเนินการโดยรัฐขาดการติดตามผลการ
ด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง สวัสดิการบางส่วนซ้ าซ้อนท าให้รับสวัสดิการสังคมทั้งแง่มากเกินจ าเป็นและน้อยกว่า
จ าเป็น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับได้รับการเสนอแนะจากหลายการศึกษาว่าควรทบทวนและปรับปรุง 2) ผู้สูงอายุ
ที่เป็นแรงงานในระบบส่วนใหญ่มีปัญหาจากการได้รับค่าตอบแทนน้อยร้อยละ 59.4 รองลงมา เป็นงานที่ท า
แล้วไม่ได้รับการจ้างต่อเนื่อง ร้อยละ 14.5 การท างานหนัก ร้อยละ 14.0 ไม่มีสวัสดิการร้อยละ 4.2 เป็นต้น
ส าหรับผู้สูงอายุที่เป็นแรงงานนอกระบบ ส่วนใหญ่มีปัญหาการได้รับค่าตอบแทนน้อยเช่นเดียวกัน ร้อยละ
48.5 รองลงมาเป็นการท างานหนักร้อยละ 24.1 งานที่ท าไม่ได้รับการจ้างที่ต่อเนื่องร้อยละ 13.8 ไม่มี
สวัสดิการ ร้อยละ 6.0 ไม่มีวันหยุดร้อยละ 4.9 และท างานไม่ตรงตามเวลาปกติร้อยละ 1.7 (พภัสสรณ์ วร
ภัทร์ถิระกุล, ม.ป.ป.) 3) ลักษณะนโยบายของผู้สูงอายุขาดการบูรณาการและขาดความต่อเนื่องในการน า
นโยบายสู่การปฏิบัติ ขาดแคลนงบประมาณและบุคลากร 4) ด้านการรับรู้สิทธิของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่
ขาดการรับรู้และขาดความเข้าใจในสิทธิของตนและการจัดบริการที่ภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วมท าให้ไม่ได้รับ
ื
ความร่วมมอ (วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย และคณะ, 2561: 98) โดยสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุในประเทศไทย
เกิดจากปัญหาทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ ความรู้ สังคม สังคม จิตใจ ครอบครัว และค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป
ผู้สูงอายุตกอยู่ในสภาพที่ต้องการผู้ดูแล สมาชิกของครอบครัว จึงต้องเข้ามามีบทบาท แต่ในสถานการณ์
ปัจจุบันโครงสร้างของครอบครัวได้ เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตโดยมีขนาดครัวเรือนลดลง ท าให้ครอบครัวมีความ
อ่อนแอจนไม่สามารถดูแล (กัญญาณัฐ ไฝค า, 2561: 21)
ื่
ั
2. แนวทางการจัดสวัสดิการเพอการพฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ พบว่า 1) ควรมีการจัดตั้ง
หน่วยงานเฉพาะที่ท าหน้าที่ดูแลงานด้านผู้สูงอายุ 2) การจัดสวัสดิการส าหรับผู้สูงอายุควรให้ความส าคัญกับ
การมีสุขภาพอนามัยที่ดี การมีการศึกษาที่ดี การมีที่อยู่อาศัย การมีงานท า การมีรายได้ และการมีสวัสดิการ
แรงงาน การมีความมั่นคงทางรายได้ นันทนาการ และการบริการสังคมทั่วไป สอดคล้องกับ ภาณุวัฒน์ มีชะนะ
และคณะ (2560: 259) ที่ระบุว่าควรส่งเสริมในเรื่องรายได้ของประชากรก่อนวัยสูงอายุ ได้แก่ การฝึกอาชีพ
เสริม การเรียนรู้การประกอบอาชีพที่ถูกต้อง และประชากรก่อนวัยสูงอายุควรหาอาชีพเสริมท าก่อนเข้าสู่วัย
สูงอายุ ฝากเงินไว้กับธนาคารเป็นประจ า ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่
วัยสูงอายุ โดยสรุปคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ประกอบด้วยปัจจัย 4 ด้าน คือ การมีความผาสุกทางด้านจิตใจ
(Psychological Well-Being) ความสามารถในการแสดงพฤติกรรม (Behavioral Competence) สิ่งแวดล้อม
ของบุคคล (Objective Environment) และการรับรู้คุณภาพชีวิต (Perceived Quality of Life)
(Rojanadhamkul, 2018: 229) ในขณะที่ Srithanee (2017: 290) ระบุเพิ่มเติมว่า อายุ ระดับการศึกษา
และสถานภาพสมรสมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ 3) รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรที่มีการจ้างงาน
ั
ผู้สูงอายุด้วยการพจารณามาตรการต่าง ๆ เช่น การลดหย่อนภาษี การส่งเสริมการพฒนาเครื่องจักรหรือ
ิ
สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการท างานของผู้สูงอายุ การเลื่อนการเกษียณอายุ เป็นต้น (Zhang & Zhao,
31