Page 62 - thaipaat_Stou_2563

งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓

1.1 คณะกรรมการบริหารโรงเรียนแกนน าหลักในการบริหารและขับเคลื่อน การด าเนินงานของ
โรงเรียนให้บรรลุวัตถุประสงค์ ควรก าหนดบทบาท หน้าที่รับผิดชอบของคณะกรรมการ และแบ่งงานให้ชัดเจน

1.2 ครูใหญ่หรือผู้อานวยการโรงเรียน ถือเป็นหัวใจส าคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมของโรงเรียน ควร
เป็นผู้ที่มีทักษะในการบริหาร มีความสามารถประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสามารถ
สร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี
ื่
1.3 ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน ควรมีการก าหนดระเบียบข้อบังคับ เพอให้เป็นข้อตกลงในทาง
ปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน แต่ไม่ควรมีการก าหนดข้อบังคับที่เคร่งครัดจนเกินไป ที่อาจท าให้สมาชิกมีความ
ยุ่งยากในการปฏิบัติ

2) หลักสูตร

ั
2.1 ควรเป็นหลักสูตรที่มีการจัดกิจกรรม ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีการพฒนาทักษะ และ
ื้
ั
การศึกษาตามอธยาศัยของผู้สูงอายุ การพฒนาและกิจกรรมในหลักสูตร ควรค านึงถึงบริบทในพนที่ ความ
ั
ต้องการและความเหมาะสมในการเรียนรู้ของผู้สูงอายุในพื้นที่เป็นส าคัญ
2.2 กิจกรรมการเรียนการสอน ควรเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ทั้งร่างกายจิตใจ สังคม
และจิตวิญญาณโดยค านึงถึงความสนใจของผู้สูงอายุ อันประกอบด้วยกิจกรรมที่ช่วยเพมพูนความรู้ ทักษะชีวิต
ิ่
ื่
ที่จ าเป็นและมีความส าคัญต่อการด าเนินชีวิต ควรมีกิจกรรมที่เน้นด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น เพอสืบทอดภูมิ
ปัญญาจากผู้สูงอายุสู่รุ่นลูก หลาน เป็นการสร้างเอกลักษณ์ของชุมชนภายใต้ทุนสังคมที่มีอยู่ ช่วยสร้างความมี
คุณค่าของผู้สูงอายุ
2.3 การก าหนดตารางกิจกรรมหรือแผนการสอน ควรมีการก าหนดไว้ให้ชัดเจน แต่มีความยืดหยุ่น
สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เรียนหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
2.4 ระยะเวลาที่เปิดเรียน ควรมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน

ควรมีการจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุที่จบหลักสูตรแล้ว ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการ
ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีการเรียนรู้ตอลดชีวิต
2.5 การวัดและประเมินผลการเรียนต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมและตรงตามศักยภาพของ

ผู้เรียน
3) ผู้สอน

3.1 ควรเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้เป็นผู้สอนด้วยกันเอง โดยการถ่ายทอดภูมิความรู้ประสบการณ์ที่สั่ง

สมมาให้แก่บุคคลอื่น เป็นการสร้างคุณค่าให้แก่ตัวผู้สูงอายุและชุมชน
3.2 ควรแสวงหาผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆจากในชุมชน หรือนอกชุมชน ซึ่งอาจเป็น
ข้าราชการบ านาญ พระสงฆ์ ผู้ช านาญการจากหน่วยงานต่างๆ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจ าต าบล
ั
(รพ.สต.) อ าเภอ เกษตร ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอชฌาสัย (กศน.) ศูนย์พฒนาแรงงาน
ั
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อร่วมเป็นผู้สอนในโรงเรียน
4) ผู้สนับสนุน
4.1 ควรมีการประสานความร่วมมือจากเครือข่ายอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องทั้ง ส านักงานพัฒนาสังคม

และความมั่นคงจังหวัด (พมจ.) ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอชฌาสัย (กศน.) อาเภอ
ั
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจ าต าบล (รพ.สต.) วัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และองค์กรเอกชน

60