Page 116 - thaipaat_Stou_2563
P. 116
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานเหล่านั้นให้เหตุผลว่ายังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนโยบาย
และไม่มั่นใจว่านโยบายนี้อยู่ในความรับผิดชอบของตนเอง แม้ว่าจะมีข้อมูลปรากฏในเว็บไซต์ของหน่วยงาน
รัฐบาล ระบุว่าหน่วยงานเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพก็ตาม ปัญหาความไม่
ชัดเจนเช่นนี้เกิดจากการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถระบุได้ว่าหน่วยงานใดบ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ุ
นโยบาย ยกตัวอย่างเช่น กรณีนโยบายด้านการเกษตรของจังหวัดอบลราชธานี เช่น นโยบายส่งเสริมองค์
ิ
ื้
ิ
ความรู้ด้านเกษตรอนทรีย์ให้แก่เกษตรในพนที่ นโยบายขยายระบบเกษตรอนทรีย์ครอบคลุมทั้งจังหวัด หรือ
กระทั่งโครงการอุบลโมเดล หน่วยงานส่วนกลางมักจะก าหนดนโยบายให้หน่วยงานส่วนภูมิภาคน าไปปฏิบัติ แต่
ไม่ก าหนดแน่ชัดว่ากรมส่งเสริมการเกษตรหรือกรมวิชาการเกษตรจะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ซึ่งความไม่
ชัดเจนของการก าหนดนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบเชิงลบต่อการขับเคลื่อนนโยบายเป็นอย่างมาก สามารถ
อธิบายได้ดังต่อไปนี้
1.1 นโยบำยขำดกำรสื่อสำรไปยังหน่วยงำนระดับล่ำง เมื่อแนวทางปฏิบัติและเจ้าภาพหลัก
ของนโยบายไม่ชัดเจน จึงยากที่จะระบุว่าหน่วยงานใดจะต้องรับผิดชอบในเรื่องใดในการขับเคลื่อนนโยบาย
ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นจากการที่ผู้บริหารบางส่วนรับรู้ข้อมูลนโยบายแต่ยังไม่เข้าใจนโยบายอย่างถ่องแท้ ส่วนผู้
ที่เข้าใจนโยบายอย่างถ่องแท้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับผู้อานวยการ (หน่วยงานละ 1-2 คน) อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร
แม้จะทราบข้อมูลแต่ก็ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้เท่าที่ควร เนื่องจากไม่มีการระบุถึงความรับผิดชอบและ
การสื่อสารลงมาจากหน่วยงานส่วนกลางให้ชัดเจน จึงยากแก่การทุ่มเททรัพยากรให้เต็มที่ เพราะหน่วยงานต้อง
ื่
จัดสรรทรัพยากรไปที่นโยบายอนด้วย ในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ
ุ
ชีวภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ปฏิบัติงานไม่ทราบว่าโครงการอบลโมเดลอยู่ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ แม้
ุ
ผู้ปฏิบัติงานจะท างานภายใต้โครงการอบลโมเดล ทว่าเป็นการท างานในลักษณะให้ความส าคัญเฉพาะงาน
ื่
ประจ าของตนเองเท่านั้น โดยไม่พยายามเชื่อมโยงงานของตนเองกับงานส่วนอนในลักษณะการบูรณาการ ท า
ื้
ให้งานแต่ละส่วนแยกขาดออกจากกัน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ใช้ความรู้พนฐานในนโยบายด้าน
การเกษตรที่คล้ายคลึงกันซึ่งเป็นความรู้ชุดเดิม และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมักจะไปแก้ปัญหาหน้างาน เพราะมองว่า
เป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ส่งผลต่อกระทบมากนักต่อการปฏิบัติตามนโยบาย สถานการณ์เช่นนี้ท าให้
เจ้าหน้าที่ขาดความทุ่มเทในการแก้ไขปัญหา รวมถึงไม่เกิดการพัฒนาทักษะความรู้ความช านาญ
1.2 กำรซ้อนทับกับนโยบำยด้ำนเกษตรอน ๆ เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพมีแนว
ื่
ิ
ทางการส่งเสริมในรูปแบบเกษตรอนทรีย์ที่คล้ายคลึงกับนโยบายด้านเกษตรอน ๆ เช่น นโยบายเกษตรอินทรีย์
ื่
และนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ ผู้ปฏิบัติงานจึงสับสนว่านโยบายเหล่านี้คือนโยบายเดียวกันกับนโยบาย
ื่
ิ
เศรษฐกิจชีวภาพ การปฏิบัติงานจึงกระท าในแนวทางเดิมที่คล้ายคลึงกับงานด้านเกษตรอนทรีย์อน ๆ ท าให้
การปฏิบัติงานผิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนโยบาย อย่างไรก็ดี ภาพรวมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแม้จะมี
ความรู้พนฐานด้านการเกษตร สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี แต่ก็เป็นเพยงความรู้
ื้
ี
พนฐานที่ใช้ปฏิบัติในนโยบายด้านเกษตรทั่วไป ไม่ใช่เป็นความรู้เฉพาะด้านเศรษฐกิจชีวภาพ ประกอบกับ การ
ื้
ที่นโยบายขาดแนวทางและการสื่อสารที่ไม่เพยงพอ ยิ่งส่งผลต่อการรับรู้ของผู้ปฏิบัติงานที่ไม่สามารถมองภาพ
ี
ทั้งห่วงโซ่การผลิตได้ชัดเจน โดยผู้ปฏิบัติงานมักจะมองเฉพาะภาระงานของตนเองและขาดการเชื่อมโยงกับงาน
ส่วนอื่น
1.3 กำรก ำหนดนโยบำยไม่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ หน่วยงานส่วนกลางมักจะก าหนด
ื้
เป้าหมายให้หน่วยงานระดับภูมิภาคไปปฏิบัติโดยไม่ค านึงถึงปัญหารากฐานส าคัญในพนที่ เช่น ต้องการให้
เกษตรกรทั้งจังหวัดเปลี่ยนไปเป็นระบบเกษตรอนทรีย์ แต่เกษตรกรยังขาดแคลนปุ๋ยอินทรีย์ ขาดระบบจัดการ
ิ
น้ าที่เหมาะสม รวมถึงขาดแรงงานในระบบการผลิต ประกอบกับภาครัฐยังขาดการวิเคราะห์ตลาด ขาดความรู้
ิ
ในการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง นอกจากนี้ รูปแบบการท าเกษตรอนทรีย์มีมิติที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน
114