Page 203 - thaipaat_Stou_2563
P. 203

งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓



               สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุจริต เที่ยงธรรมและมีส่วนในการป้องกันหรือแก้ไขวิกฤติของ
               ประเทศตามความจ าเป็นและความเหมาะสม การรับรอง ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของปวงชน ชาว
               ไทยให้ชัดเจนและครอบคลุมอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยถือว่าการมีสิทธิเสรีภาพเป็นหลักการจ ากัดตัดสิทธิ
                                                                                   ื่
               เสรีภาพเป็นข้อยกเว้น แต่การใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เพอคุ้มครองส่วนรวม การจะ
               ด าเนินการตามแนวทางแห่งรัฐธรรมนูญนี้ให้ลุล่วงไปได้ จ าต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประชาชนทุกภาค
               ส่วนกับหน่วยงานทั้งหลายของรัฐตามแนวทางประชารัฐภายใต้กฎเกณฑ์ตามหลักการปกครองในระบอบ
               ประชาธิปไตยและประเพณีการปกครอง ที่เหมาะสมกับสถานการณ์และลักษณะของสังคมไทย หลักความ
                                                          ั
                                                                                          ั
               สุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล อนท าให้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้พฒนาไปข้างหน้าได้
               อย่างเป็นขั้นตอนจนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
                           รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 นั้น มีการกล่าวถึงสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ในหมวดที่
               3 มาตรา 25 โดยกล่าวถึงสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ซึ่งนอกจากที่บัญญัติคุ้มครองไว้เป็นการเฉพาะ

                                                                                     ื่
               ในรัฐธรรมนูญแล้ว การใดที่ไม่ได้ห้ามหรือจ ากัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอน บุคคลย่อมมีสิทธิและ
               เสรีภาพที่จะท าการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญตามเท่าที่การใช้สิทธิหรือเสรีภาพเช่นว่านั้น
                                          ั
                                                                                                   ั
               ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอนตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม อนดีของ
               ประชาชน และไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคล (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย.  (2560, 6 เมษายน).
               ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134  ตอนที่ 40 ก. หน้า 1-90) และมาตรา 27 ที่ก าหนดว่าบุคคลย่อมเสมอภาค
               กันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน  การเลือกปฏิบัติโดยไม่

               เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นก าเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพการ สภาพ
                                                                                                ิ
               ทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม
                                          ั
               หรือความคิดเห็นทางการเมืองอนไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือเหตุอนใด จะกระท ามิได้ รวมไปถึง
                                                                                 ื่
               มาตรา 28 ที่ก าหนดว่าบุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย การจับกุมและการคุมขังบุคคลจะ
               กระท ามิได้ เว้นแต่มีค าสั่งหรือหมายของศาลหรือมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ การทรมาน ทารุณกรรม
               หรือการลงโทษด้วยวิธีการโหดร้าย หรือไร้มนุษยธรรมจะกระท ามิได้
                          จากตัวอย่างของบทบัญญัติที่ยกมา จะเห็นได้ว่า กฎหมายมีเจตนาที่จะรับรองและคุ้มครอง
               ผลประโยชน์ของปัจเจกบุคคล (Individual) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพส่วน

               บุคคลให้มีความทัดเทียมกันภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งสิทธินี้ย่อมมีเสมอกันตลอดทั้งราชอาณาจักรไทย ใน
               กรณีที่เกิดการละเมิดสิทธิของบุคคลไม่ว่าเกิดขึ้นจากการกระท าของใคร แม้แต่ในเรื่องชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง
                                 ั
               ทรัพย์สิน หรือสิทธิอนเกี่ยวกับทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้ที่กระท าละเมิดก็ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมาย
               ก าหนดไว้โดยในส่วนนี้ผู้เสียหายจ าเป็นจะต้องเป็นผู้ด าเนินการเพอเรียกร้องสิทธิของตนให้กลับคืนมา โดยผ่าน
                                                                     ื่
               องค์กรของรัฐภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา ซึ่งหน่วยงานของรัฐหน่วยงานแรกที่
                                                         ิ
               ผู้เสียหายจะต้องน าคดีของตนเข้าสู่ระบบกระบวนการยุติธรรม ก็คือ ต ารวจ โดยเริ่มตั้งแต่การเข้าแจ้งความ

               ร้องทุกข์ กล่าวโทษ การสืบสวนสอบสวน การจับกุมผู้กระท าความผิด การรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่ง
                                                   ื่
                                                      ิ
               ถึงการน าตัวผู้ต้องหาฟองร้องต่อศาลเพอพจารณาลงโทษผู้กระท าผิด ดังนั้นเมื่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ
                                    ้
               พทธศักราช2560 ได้ประกาศ อนอาจจะท าให้เกิดข้อขัดข้อง หรืออปสรรคในการปฏิบัติงานของพนักงาน
                                                                         ุ
                                            ั
                 ุ
               สอบสวนได้
                          จะเห็นได้ว่า มาตรการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญดังกล่าว มีผลต่อการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติ
               หน้าที่ของพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอดรับกับกฎหมายใหม่  ซึ่งพนักงานสอบสวนเองจ าเป็นต้องท าความเข้าใจ
                             ื่
               อย่างถ่องแท้ เพอจักได้ด าเนินการให้สอดรับกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการศึกษา
               อย่างจริงจังเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวนภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
               ฉบับนี้ การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ จึงใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เพื่อที่จะค้นหาและท าความ

                                                                                                     201
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208