Page 205 - thaipaat_Stou_2563
P. 205
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งท าให้ต ารวจมีภารกิจต่อเนื่องมากมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบังคับ
ใช้กฎหมาย ได้แก่การสืบสวน สอบสวนคดีอาญา การตรวจท้องที่ การควบคุมการจราจร เป็นต้น จะเห็นได้ว่า
ื่
การกระท าเพอด ารงไว้ซึ่งความสงบสุข หรือก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม จึงท าให้ต ารวจมีหน้าที่ที่จะต้องไป
ุ้
ั้
เกี่ยวข้องกับเหตุการณทงหลายต่าง ๆ ที่จะน าไปสู่ความวุ่นวายในสังคมได้ เป็นต้นว่าการให้ความคมกันแก่การ
ิ
ชุมนุมของประชาชนในโอกาสพเศษต่าง ๆ เช่น งานนักขัตฤกษ์ ทั้งนี้เป็นการคุ้มกันป้องกันมิให้เกิดความสงบ
สุขเกิดขึ้น นอกจากนี้แล้ว ต ารวจยังมีหน้าที่ให้บริการแก่ประชาชนโดยทั่วไป เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ต้อง
ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ครั้นเมื่อประชาชนมีปัญหามักจะมาปรึกษาหารือกับต ารวจ หรือเป็นคนกลางใน
การชี้แนะหรือตัดสินปัญหาเป็นไปในลักษณะที่ให้ความช่วยเหลือและอานวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
อย่างไรก็ดี หน้าที่ความรับผิดชอบของต ารวจที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นหน้าที่ที่ได้ปฏิบัติต่อเนื่องกันจากอดีต
เรื่อยมาซึ่งเรียกว่า การปฏิบัติหน้าที่แบบจารีตนิยมต ารวจ มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย และรักษาความ
สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง (Law Enforcement and Order Maintaining) เพอความกระจ่างชัดในหน้าที่
ื่
ต ารวจแบบจารีตประเพณีนี้
วิธีด ำเนินกำรวิจัย (Research Methods)
ึ
การศกษาวิจัยในครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) เพื่อถอดบทเรียน
ุ
(Lesson Learned) เกี่ยวกับปัญหาอปสรรคและผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่สอบสวนคดีอาญาของ
พนักงานสอบสวน ด้านการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของผู้ต้องหา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560
ั
และค้นหาแนวทางในการพฒนาประสิทธิภาพสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน ด้านการคุ้มครองสิทธิ
เสรีภาพของผู้ต้องหา เพื่อให้สอดรับกับแนวทางตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 เทคนิควิธีวิจัย
ที่ใช้ คือ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview)
พื้นที่ในกำรศึกษำวิจัย
ื้
ื้
ผู้วิจัยเลือกพนที่ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ พนที่ในเขตกองบังคับการต ารวจนครบาล 9 โดยเลือก
สถานีต ารวจที่มีความพร้อมและยินยอมในการให้ข้อมูล
กลุ่มผู้ให้ข้อมูลส ำคัญ
การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ใช้การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดย
ก าหนดกลุ่มผู้ให้ข้อมูลส าคัญ (Key informant) ไว้ 2 ส่วน ดังนี้
ุ
ส่วนที่ 1 ถอดบทเรียน (Lesson Learned) เกี่ยวกับปัญหาอปสรรค และผลกระทบจากการ
ปฏิบัติหน้าที่สอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน ด้านการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของผู้ต้องหา ตาม
บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 ผู้ให้ข้อมูลส าคัญ ได้แก่ พนักงานสอบสวนจากสถานีต ารวจในเขต
พื้นที่กองบังคับการต ารวจนครบาล 9 จ านวน 10 แห่ง แห่งละ 2 คน รวม 20 คน
ส่วนที่ 2 การค้นหาแนวทางในการพัฒนาประสิทธิภาพสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน
ื่
ด้านการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของผู้ต้องหา เพอให้สอดรับกับแนวทางตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พทธศักราช
ุ
2560 กลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
ื้
(1) กลุ่มหัวหน้าพนักงานสอบสวนจากสถานีต ารวจในเขตพนที่กองบังคับการต ารวจนครบาล 9
จ านวน 10 แห่ง แห่งละ 1 คน รวม 10 คน
(2) กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือด้านการสอบสวน จ านวน 5 คน
เครื่องมือที่ใช้ในกำรศึกษำวิจัยและกำรตรวจสอบคุณภำพเครื่องมอ
ื
การเก็บรวบรวมข้อมูลในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ใช้วิธีการเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-
depth Interview) โดยการเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก แนวการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-
่
structured interview) การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยผู้ทรงคุณวุฒิจ านวน 3 ท่าน โดยท าการ
203