Page 387 - thaipaat_Stou_2563
P. 387
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
ั
ื่
ื่
ิ่
อนาคต การพฒนาทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายเพอเพมศักยภาพในการปฏิบัติงานของทรัพยากรมนุษย์เพอให้
องค์การสามารถด าเนินงานประสบผลส าเร็จได้ตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้”
ั
ู
โดยการพฒนาทรัพยากรมนุษย์มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ ประกอบด้วย 1) การเพมพนความรู้
ิ่
2) การพัฒนาทักษะ 3) การปรับเปลี่ยนทัศนคติ และ 4) การเสริมสร้างสมรรถนะ ดังนี้
1) กำรเพิ่มพูนควำมรู้ การที่บุคลากรจะปฏิบัติงานที่รับผิดชอบอยู่นั้น จะต้องทราบถึงลักษณะ
ของงานที่ปฏิบัติ จ าเป็นต้องทราบกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ วิธีการที่จะปฏิบัติงานให้ส าเร็จลุล่วง ซึ่งสิ่งต่างๆที่
ี
กล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่บุคลากรจะต้องรับทราบ และเข้าใจอย่างละเอยด ถ่องแท้ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติงาน
นอกเหนือจากนี้ วิธีการและเทคนิคใหม่ๆ เครื่องมือและอปกรณ์ที่ใช้ปฏิบัติงานเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่ง
ุ
ี
ต่างๆ เหล่านี้ ท าให้ผู้ปฏิบัติงานจ าเป็นต้องมีความรู้ ความสารถ เพยงพอก่อนที่จะปฏิบัติงาน ดังนั้น องค์การ
่
จึงมีความจ าเป็นต้องเพิ่มพูนความรู้ดังกล่าวให้แกบุคลากร
2) กำรพัฒนำทักษะ เป็นความช านาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
ทักษะของบุคคลเป็นผลจากการเรียนรู้โดยการกระท า เช่นทักษะการปฏิบัติงาน ทักษะทางด้านการกีฬา ทักษะ
่
ในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อน ทักษะทางด้านการอาน ทักษะทางด้านการบริหารหรือการจัดการงาน ทักษะ
ื่
ทางด้านภาษา ทักษะทางด้านการใช้เทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ เป็นทักษะภายนอกที่ผู้อนสามารถ
ื่
มองเห็นได้จากการกระท า ทักษะจึงมีความจ าเป็นต่อการปฏิบัติงานที่จะท าให้ผู้ที่มีทักษะสามารถปฏิบัติงาน
ได้ผลดีกว่าผู้ที่ไม่มีทักษะ เนื่องจากทักษะนั้น จะช่วยให้เกิดความช านาญ ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมั่นใจได้ว่า
สามารถท างานได้เป็นผลส าเร็จ และยังช่วยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการท างาน และยังช่วยให้การปฏิบัติงานมี
ประสิทธิภาพ ดังนั้น การส่งเสริมให้บุคลากรในองค์การมีทักษะในงานจึงมีความส าคัญเป็นอย่างมาก
3) กำรปรับเปลี่ยนทัศนคติ ค าว่าทัศนคตินั้น หมายถึง ความคิดเห็นและความรู้สึกของบุคคล ที่
มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะแสดงออกในทางที่ชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือ ไม่พอใจ ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวมาจาก
ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อม โดยจะส่งผลให้บุคคลแสดงปฏิกิริยาต่อสิ่งนั้นๆ ในทางที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
การที่จะทราบถึงทัศนคติของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ ต้องใช้วิธีสังเกตจากพฤติกรรมหรือการกระท า ซึ่งส่งผลต่อ
ผลการปฏิบัติงานของบุคลากร ดังนั้น การที่บุคลากรจะมีทัศนคติที่ดีต่องาน จะส่งผลให้บุคลากรมี พฤติกรรม
การปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบ อุทิศตนให้กับงาน ท าให้ผลการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และ
ในทางตรงกนข้าม หากบุคลากรมีทัศนคติที่ไม่ดีต่องานแล้ว จะส่งผลให้บุคคลนั้นท างานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มี
ั
ความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติงานให้เกิดผลส าเร็จ ผลงานออกมาผิดพลาด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการด าเนินงาน
ขององค์การ
ดังนั้น การปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรที่มีต่องาน ต่อเพอนร่วมงาน และต่อองค์การ จาก
ื่
ั
ทัศนคติที่ไม่ดี เป็นทัศนคติที่ดีด้วยวิธีการพฒนาบุคลากรที่ถูกต้องและเหมาะสมเป็นสิ่งที่มีความจ าเป็น ซึ่งจะ
่
ช่วยให้บุคลากรมีปฏิกิริยาหรือพฤติกรรมการปฏิบัติงานที่ตามประสงค์ สามารถท าผลงานที่มีคุณคาต่อองค์การ
และจะช่วยให้การด าเนินงานขององค์การบรรลุวัตถุประสงค์ เกิดผลส าเร็จตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้
4) กำรเสริมสร้ำงสมรรถนะ สมรรถนะ เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เป็นปัจจัยให้งาน
ประสบผลส าเร็จ ตอบสนองวิสัยทัศน์ขององค์การและการน าไปสู่ผลสัมฤทธิ์ขององค์การ สมรรถนะแตกต่าง
จากความรู้ ทักษะและทัศคติ ส าหรับสมรรถนะของข้าราชการพลเรือนของไทย
นอกจากนี้ Wexley & Latham, 1991) ได้กล่าวว่า การฝึกอบรมบุคลากรในองค์การ มีจุดประสงค์
3 ประการดังต่อไปนี้
1) เพื่อปรับปรุงระดับการตระหนักรู้ในตนเอง (self – awareness) ของในแต่ละบุคคล ได้แก ่
การท าความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของตนเองในองค์การ ความเข้าใจถึงทัศนะที่บุคคลอื่นมีต่อ
ตนเอง การเรียนรู้ว่าการกระท าของตนเองส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร เป็นต้น
385