Page 388 - thaipaat_Stou_2563
P. 388
งานประชุมวิชาการรัฐประศาสนศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
2) เพื่อเพิ่มพูนทักษะการท างาน (job skills) ของแต่ละบุคคล เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ดูแลรักษา
ความปลอดภัยในการท างาน
ื่
3) เพอเพมแรงจูงใจของแต่ละบุคคล หากบุคคลใดมีความรู้ความสามารถ แต่ขาดซึ่งแรงจูงใจ ก็
ิ่
จะไม่สามารถใช้ความรู้ความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ และผลงานที่ออกมาก็จะไม่มีประสิทธิภาพ
เท่าที่ควร ดังนั้น การสร้างแรงจูงใจจึงเป็นสิ่งส าคัญอย่างยิ่งต่อความส าเร็จขององค์การ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำบุคลำกร
เฉลิมพงศ์ มีสมนัย (2543, น. 12-13) ได้กล่าวไว้ ดังนี้
1. กำรสนับสนุนและควำมร่วมมืออย่ำงเต็มที่จำกผู้บริหำรองค์กำร โดยการสนับสนุนและความ
ั
ร่วมมือจากผู้บริหารองค์การ โดยการสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายและงบประมาณ ในการจัดกิจกรรมการพฒนา
บุคลากร การอานวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นการต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการ
ั
ประชาสัมพนธ์อย่างทั่วถึง ซึ่งจะท าให้บุคลากรมีความมั่นใจและเต็มใจให้ความร่วมมือสนับสนุนกิจกรรมการ
พัฒนาบุคลากรต่อไป
2. ขนำดของพันธกิจและโครงสร้ำงองค์กำร การขยายงานมากขึ้น มีผลต่อการพฒนาบุคลากร
ั
เนื่องจากองค์การที่มีขนาดใหญ่จะมีการเพมงาน ขยายจ านวนหน่วยงาน ฝ่าย แผนกงานต่างๆ บุคลากร ท าให้
ิ่
ปริมาณงานใหม่ๆ เพมมากขั้น ดังนั้นองค์การจ าเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพ และ
ิ่
ประสบการณ์ทางด้านวิชาการเฉพาะด้าน ในการปฏิบัติงานบุคลากรภายในหน่วยงานต้องมีความสัมพันธ์และมี
การสื่อสารกันภายในองค์การให้มากขึ้น ระหว่างบุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงผู้ปฏิบัติงาน
ั
ดังนั้น กิจกรรมการพฒนาบุคลากรจึงมีความจ าเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก มีความต้องการให้บุคลากรระดับ
ปฏิบัติงานมีความร่วมมือร่วมใจ และประสานงานกันเป็นอย่างดี โดยปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ขององค์การ
ั
่
ิ
3. เทคโนโลยีสมยใหม เทคโนโลยีในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง มีอทธิพลต่อการพฒนา
ั
บุคลากร ผู้บริหารต้องน าเทคโนยีสมัยใหม่มาปรับใช้เพอให้เกิดประโยชน์ต่อองค์การ หรือหน่วยงาน โดยการ
ื่
จัดกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรให้สัมพันธ์หรือสอดคล้องกับสภาวการณที่เปลี่ยนแปลงไป
์
4. ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรพัฒนำบุคลำกร ผู้เชี่ยวชาญ ต้องมีความรู้ ความสามารถ ตลอดจนเข้าใจ
ั
หลักการของการพฒนาบุคลากร โดยผู้เชี่ยวชาญต้องสามารถชี้แนะแนวทาง และเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้บริหาร
ั
ขององค์การได้ อีกทั้ง สามารถที่จะก าหนดขั้นตอนการด าเนินงานกิจกรรมการพฒนาบุคลากร โดยสามารถน า
ื่
ั
หลักวิชาการมาปรับใช้กับกิจกรรมการพฒนาบุคลากรให้เหมาะสมกับองค์การมากขึ้น เพอการปฏิบัติเกิด
ประสิทธิผล ซึ่งจะส่งผลให้บุคลากรมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น
5. กำรเสนอควำมคิดเห็นอย่ำงจริงใจ จำกหัวหน้ำหน่วยงำนทุกหน่วยงำนขององค์กำร สิ่งนี้มี
ผลต่อการด าเนินการกิจกรรมการพัฒนาบุคลากร เพื่อตอบสนองความต้องการส าหรับกิจกรรมการพัฒนาบุคลากร
6. กำรให้บุคลำกรมีควำมรู้สึกว่ำบุคลำกรทุกคนมีส่วนร่วม สืบเนื่องจากบุคลากรทุกคนต้องการ
ให้ผู้บริหารขององค์การ มีความเข้าใจ และดูแลเอาใจใส่พวกเขาอย่างทั่วถึง โดยการจัดกิจกรรมการพฒนา
ั
ื่
บุคลากรขึ้นมา เช่น หลักสูตรการพฒนาผู้บริหารงานทุกระดับขององค์การ เพอให้ผู้บริหารทราบถึงวิธีปฏิบัติ
ั
ตนต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และสามารถคิดและหาวิธีแก้ไขปัญหาและอปสรรคของการปฏิบัติงานได้อย่างมี
ุ
ประสิทธิภาพ
7. กำรฝึกอบรมบุคลำกร การฝึกอบรม (training) คือกระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
ิ่
ื่
เพอการเพมพนความรู้ ทักษะ ความสามารถ ศักยภาพ ของบุคลากร ช่วยปรับปรุงให้การปฏิบัติงานมี
ู
ื่
ประสิทธิภาพสูงขึ้น กล่าวคือ การฝึกอบรม เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพอช่วยให้บุคลากรมีศกยภาพการท างานสูงขึ้น
ั
ุ่
แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับกำรกำรบริหำรแบบมงผลสัมฤทธิ์
386