Page 39 - PAAT_Journal_V2-2019
P. 39
PAAT Journal Vol. 2, No. 2, December 2019
้
ื
ี
้
ั
้
้
ํ
่
ุ
(2557: 147-148) ทระบวาการเรียนรูแบบการฟงบรรยาย ผูเรียนจะจดจาเนอหาไดเพยงร้อยละ 5 การเรียนรู ้
ี
่
่
้
ํ
ี
ํ
ื
้
้
้
ื
้
้
ั
แบบการอานดวยตนเอง ผูเรียนจะจาเนอหาไดเพยงร้อยละ 10 แตการเรียนรูโดยการไดลงมอปฏิบต ผูเรียนจะ
้
ิ
่
้
้
ํ
้
ื
ํ
้
่
้
้
ี
้
่
้
จดจาเนอหาไดร้อยละ 75 และการเรียนผูเรียนรู โดยการนาความรูทได้รับไปสอนผูอืน ผูเรียนจะจดจําเนือหา
ํ
้
ไดถึงร้อยละ 95
ั
่
่
ื
ื
่
็
ิ
จากความเปนมาดงกล่าวเปนทมาของบทความวชาการเรอง การเรียนการสอนแบบกลุมเพอการ
็
ี
่
ุ
้
ิ
พฒนาสมรรถนะผูเรียนในรายวชาการบริหารโครงการเชงกลยทธ ์
ิ
ั
2. การทบทวนวรรณกรรม
1. การเรียนการสอนแบบกลม
ุ
่
ั
้
ั
้
การเรียนรูแบบเป็นทม (team-based learning, TBL) นนพฒนาโดยศาตราจารย์ Larry K.
ี
ี
Michaelsen แห่งมหาวทยาลัยโอกลาโฮมา (University of Oklahoma) ประเทศสหรัฐอเมริกา ในชวงป ค.ศ.
ิ
่
ํ
่
1970 เพือมุงเน้นให้นักศึกษาสามารถพัฒนาทักษะในการเรียนรูได้โดย ตัวเองผ่านการทางานเป็นทีม
่
้
ี
่
โครงสรางและส่วนประกอบของการเรยนรูแบบเปนทมซงมขันตอน คือ 1. Pre-class preparation เปน
้
ึ
้
ี
ี
็
้
็
่
ึ
้
ี
็
ั
่
ขันตอนทนกศกษาเตรียมตวก่อนเข้าเรียนโดยศึกษาสือการสอนดวยตนเอง 2. Readiness assurance เปน
้
ั
้
้
ขันตอนทนักศกษาทาแบบทดสอบในห้องเรียนเพือประเมินความเข้าใจในเนือหาทีนักศึกษาได้ศึกษามาขันตอน
่
ึ
้
ํ
่
ี
่
้
นประกอบไปดวย 2.1 Individual readiness-assurance test (IRAT) นักศึกษาทาแบบทดสอบดวยตนเอง
ํ
้
้
ี
ั
่
ํ
2.2 Group readiness-assurance test (GRAT) นกศึกษาทําแบบทดสอบเดมอกครังแตชวยกันทาเปนกลุม
้
่
็
ี
่
ิ
ี
ี
่
ภายหลังจากการทํา GRAT แล้วจะมการเฉลยแบบทดสอบโดยมอภิปรายถึงคําตอบของแตละคําถาม 3.
่
ั
้
ํ
็
์
ี
Application of course concepts เปนขันตอนทนกศึกษาจะไดทาโจทยปัญหาทางคลินิกทีต้องนําความรู ้
้
่
ั
้
จาก 2 ขันตอนแรกมาประยกตใชในการตอบปญหาซงภายหลังจากนันแล้วก็จะ เปนการอภิปรายและสรุป
์
็
้
้
่
ึ
ุ
่
ื
ี
่
้
ถึงแมวาแตเดมนันการเรยนรูแบบเปนทมไดถูก พฒนาเพอใชในการเรียนการสอนบริหารธรกิจ แตตอมาไดม ี
่
้
ุ
้
ิ
ั
ี
็
้
่
่
้
้
ํ
้
้
การนารูปแบบของการเรียนรูแบบเป็นทีมไป ประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนสาขาวิชาต่างๆ รวมทังทางด้าน
้
่
ี
ั
แพทยศาสตร์ดวย เนืองจากมจดเดนตางๆ ทีสามารถพฒนาประสบการณ์การเรียนรูของนกศกษา ไดแก่ 1.
่
่
้
ุ
ั
ึ
้
่
ี
้
ั
ั
้
ั
ั
้
นกศึกษาตองเตรยมตวศึกษาเนือหาบทเรียนก่อนเขาชนเรียน 2. นักศึกษาทํางานร่วมกนเป็นทีมในการเรียนรู ้
้
่
และแก้ไขปญหา 3. นักศึกษาเรียนรูผ่านทางการอภิปราย ถกประเดน และโต้แยงในลักษณะทนกศึกษาเป็น
็
้
้
ี
ั
ั
ั
ผูสอนเพอน นกศึกษาดวยกนเอง บทบาทของผูสอนในการเรยนรูแบบเปนทมนนจะอยทตวนกศึกษาเอง
้
็
้
ั
ื
่
ี
่
่
ี
ั
ั
ี
้
ู
้
้
ั
่
์
แทนทีจะเป็นอาจารยผูสอนดงเชน การเรียนการสอนแบบบรรยายเช่นเดิม ซึงจะช่วยให้นักศึกษามีความเป็น
่
้
่
ั
้
์
้
ิ
้
้
ั
็
ี
อสระ (autonomy) ในการกําหนด ประสบการณการเรยนรูของตนเอง รวมทงรูสึกถึง ความเปนเจาของ
้
้
ู
่
้
ี
(ownership) ในความรทีไดมาดวย ตนเองซงจะทาใหนกศึกษาสามารถจดจาเนอหานนๆ ไดดกวาการทองจา
ํ
ํ
้
้
ึ
่
ํ
่
่
้
ื
้
ั
ั
่
ส่วนบทบาทของอาจารย์ผูสอนนันจะเปลียนจากการ “ให้” เนือหาบทเรียนแก่นักศึกษา โดยตรงมาเป็นการ
้
้
้
้
็
ั
ประคับประคองการอภิปรายของนกศึกษาให้เปนไปในทิศทางทถูกตอง การยนยนสิงทนกศึกษาเข้าใจถูกตอง
่
่
ั
ี
ั
่
ี
ื
้
่
่
ิ
การแกไขสิงทนกศึกษายงเข้าใจผิด และการเตมเตมชองวางทยงอาจขาดหาย ไปในระหว่างการอภิปราย
ั
ั
ี
่
ั
้
ี
็
่
่
31 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย
่