Page 79 - Microsoft Word - PAAT Journal V4-2020
P. 79
PAAT Journal Vol. 2, No. 4, December 2020
การทํางานแบบทุ่มเท จริงจังหวังกับผลลัพธ์ บุคลากรจะทํางานอย่างทุ่มเทได้นั้นผู้นํา
จะต้องสร้างแรงดลใจ ฉะนั้นก็ต้องเปลี่ยนผู้นําให้เป็นผู้นําในลักษณะใหม่ เพื่อจะให้เกิดการทํางานที่ทุ่มเท
จริงจังและหวังผลลัพธ์
มีการทํางานแบบเป็นภาคีเครือข่ายภาคประชาชน นําการประเมินผลไปปรับปรุง อันนี้ก็จะ
ทําให้เป็นหลักให้เกิดขึ้นมาในรัฐประศาสนศาสตร์ในเชิงปฏิบัติและการประเมินผล
องค์กรราชการ : ที่ควรเป็นความเป็นปกติใหม่
โครงสร้างการกระจายอํานาจ โดยโครงสร้างรวมศูนย์อํานาจไร้ประสิทธิภาพและทําลาย
ความคิดสร้างสรรค์ ที่ไหนมีอํานาจที่นั่นความคิดสร้างสรรค์มีน้อย แล้วที่ไหนมีความคิดสร้างสรรค์น้อยใน
บริบทสังคมในปัจจุบัน ที่นั่นจะมีปัญหามาก เพราะสังคมมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็ว ซึ่งทุกคนรู้ว่าจะ
เกิดปัญหาใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นต้องการความคิดใหม่ที่จะนํามาจัดการ เราก็เอาเหตุผลที่
เกิดขึ้น (ฉากทัศน์) ในอนาคตที่เรามองเป็นตัวกําหนดยุทธศาสตร์ เพื่อให้ยุทธศาสตร์นั้นสอดคล้องกับ
ปรากฏการณ์ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งยุทธศาสตร์ 10 ปี หรือ 20 ปี อาจจะทําให้ได้เมื่อสัก
ประมาณ 50 ปีที่แล้ว เพราะเมื่อ 50 ปีที่แล้วมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง อยู่ในระดับ
รถจักรยานคือเปลี่ยนช้าๆ เราก็ทํานายได้ เพราะมีแบบแผนเดิมดํารงอยู่กันยาวนาน เขาก็ทํานายได้ เมื่อ
ทํานายได้ก็เขียนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องได้ ของเดิมนอกจากจะเปลี่ยนช้าแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง
น้อย หรือว่ามีความซับซ้อนน้อย เมื่อซับซ้อนน้อยเราก็รู้ว่าองค์ประกอบนี้เป็นอย่างไร มีความเชื่อมโยงกับ
องค์ประกอบนั้นอย่างไร อาจจะมีองค์ประกอบเพียงแค่ 4 – 5 องค์ประกอบ แต่ปัจจุบันองค์ประกอบของ
สังคมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ยกตัวอย่างเช่น เรื่องเพศ เมื่อก่อนมีแค่สองเพศ คือเพศชายกับเพศหญิงแต่ปัจจุบัน
มีกี่เพศ มี 10 เพศ หรือครอบครัวสมัยก่อนมีแค่ครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยายแต่ปัจจุบันครอบครับมีเกือบ
10 ประเภท นี่คือความซับซ้อนที่เกิดขึ้นทางสังคม แล้วถ้าเราวางแผนยุทธศาสตร์เราจะรู้หรือไม่ว่า ในอนาคต
จะเพิ่มความซับซ้อนอะไรขึ้นอีกบ้าง แล้วยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีจะครอบคลุมหรือไม่ ฉะนั้นให้คิดว่ายุทธศาสตร์
20 ปีเมื่อบริบทไม่อํานวยเสียแล้วซึ่งเมื่อ 50 ปีก่อนไม่คิด ตัวอย่างเช่น ปะเทศมาเลเซีย ซึ่งมีผู้นําคือมหาเธร์ ซึ่ง
เขาคิดไว้เมื่อ 50 ปีก่อนแล้ว หากมาคิดในปัจจุบันแปลว่า 20 ปีจะกลายเป็นกระดาษไว้ให้เราดูเล่น ไว้ให้เรา
ศึกษาถึงความไม่รอบคอบของบรรพบุรุษเรา เพื่อให้เด็กในอนาคตได้ศึกษา
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เมื่อพบกับสถานการณ์ Covid พังละเอียด เขียนมาใช้ตั้งแต่ปี 60
ตอนนี้ปี 63 ใช้ไม่ได้แล้ว โดยใช้งบประมาณไปหลายร้อยล้านบาทในการทําแผนยุทธศาสตร์ชาติ ฉะนั้น
ยุทธศาสตร์ต้องมีแต่ไม่ต้องใช้ในระยะยาว ถ้าหากมองในรูปขององค์กรควรมียุทธศาสตร์ 3 ปี คุณก็เก่งแล้ว
คุณทํานายอนาคตได้ 3 ปี หรือถ้า 5 ปี ก็แปลว่าคุณต้องมีพลังในการจินตนาการแล้วก็มีความสามารถสูงมากที่
จะเห็นอนาคต 5 ปี เห็นโอกาสเห็นสิ่งคุกคามที่จะเกิดใน 5 ปีข้างหน้าว่ามีอะไรบ้าง ส่วนโอกาสและสิ่งคุกคาม
ในอดีตเดี๋ยวก็จะเปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะฉะนั้นยุทธศาสตร์ 3 ปี, 5 ปี ก็ถือว่าเก่งสุดยอดแล้ว แต่ต่อจากนี้
เป็นไปไม่ได้ 3 ปี หรือ 5 ปีต้องปรับเปลี่ยน
ยุทธศาสตร์แบบมีส่วนร่วม และสิ่งสําคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ จากประสบการณ์ตรงของตนเอง
ได้ไปเจอกับเจ้าหน้าที่หลายคน ซึ่งเขามีแผนยุทธศาสตร์แต่เขาไม่มีวิธีคิดเชิงยุทธศาสตร์ อันนี้ก็เป็นปมปัญหา
ใหญ่ แล้วผู้นําของเขาก็ไม่ได้เป็นผู้นําเชิงยุทธศาสตร์ ตัวองค์กรเองมีแผนยุทธศาสตร์แต่ตัวผู้นําไม่มีภาวะผู้นํา
70 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย