Page 45 - PAAT_Journal_V2-2019
P. 45
PAAT Journal Vol. 2, No. 2, December 2019
ั
ั
ี
ี
ี
ี
่
ี
้
้
้
้
้
้
้
้
ทกษะการคิดขันสูงใหผูเรียนดวยการจดกิจกรรมใหผูเรยนเรยนรูร่วมกันโดยใชเทคโนโลยทเหมาะสม มการ
ั
ื
ิ
ี
ื
ู
่
ี
่
่
ี
็
่
สือสารกันอยางมประสิทธภาพ มทกษะการทํางานเปนทมมการเรียนรูแบบบรณาการ เพอใหผูเรียนเชอมโยง
้
้
ี
้
้
้
่
ื
่
เนอหาระหวางศาสตร์ตาง ๆ เรียนรูจากการปฏิบัติมีการสะท้อนความคิดของตนเองกับคนอืน ๆ ซึงวิธีการ
่
่
ิ
่
้
้
ู
้
จดการเรียนรูดงกล่าวสอดคล้องกับการจดการเรียนรูแบบ Active Learning ททําใหผูเรียนเกดแรงจงใจในการ
ั
ั
้
ั
ี
้
ิ
ู
้
์
ี
ํ
ั
้
ี
็
เรียนรูโดยมผสอนเปนผูอานวยความสะดวก และสอดคล้องกบกนกรัตน จรสัจจานุกูล และ ณมน จรังสุวรรณ
่
(2561: 57) ทระบุวาปญหาของผูเรียนคอไมสามารถประยกตสิงทเรียนมาใชไดในการทางานได ดงนนผูสอน
้
่
ั
้
ี
ื
่
่
ํ
์
้
้
้
ั
ี
่
้
ั
ุ
้
่
ี
่
ื
่
ควรส่งเสริมการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนรูในสถานการณตาง ๆ ทอยูในบริบทของสภาพจริงเพอให ้
์
่
้
้
้
ุ
์
ี
่
้
้
ผูเรียนไปทางานไดจริงและประยกตความรูทไดรับจากในหองเรียนมาใชกับการทํางานได ้
้
ํ
้
2. ดานการพัฒนาสมรรถนะและทักษะของผูเรียน พบว่า ผูเรียนสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรูและ
้
้
้
ู
้
่
ี
้
ี
ิ
ั
้
้
ิ
้
ื
ี
นวตกรรมไดดขึนมการคนควาข้อมลแบบร่วมมอ มการคิดเชงวพากษ์ในกรณศึกษาทีซบซอนและสามารถ
ั
ี
้
ั
ิ
่
ุ
ุ
สะทอนเหตและผลอยางเปนระบบในการอธบายสภาพปญหาของโครงการภาครัฐ สามารถแลกเปลียนมมมอง
็
่
่
กับผูเรียนคนอนและยอมรับความคิดเหนทีแตกตางจากเพอนร่วมช้นเรียน
ื
่
่
็
้
ั
่
ื
ื
้
่
ผลจากการทางานกลุม การเรียนแบบรวมกนเปนการทางานร่วมกนของผูเรยนเพอแลกเปลียนความรู ้
ํ
ั
ี
่
่
ั
่
็
ํ
ซงกันและกน เปนการสนบสนนใหผูเรียนรูถึงบทบาท หนาท วธการประเมนผลงานทงดานปริมาณและ
้
้
้
ิ
ั
่
ี
ุ
ั
็
ี
ิ
่
ึ
ั
้
้
้
่
คุณภาพ และกระบวนการดาเนินการตาง ๆ ภายในกลุม ส่งเสรมทักษะการเรียนแบบร่วมกัน เช่น การทํางาน
ิ
่
ํ
้
่
้
่
ี
ร่วมกัน การตดสินใจ การสือสาร ภายใตการเรียนรูแบบกลุม ดงนันการชวยเสรมศักยภาพทางการเรยนตอง
ิ
ั
ั
่
้
้
ํ
้
ั
็
่
ี
้
่
้
ั
ิ
่
้
ั
ุ
็
ั
เปนแรงขบเคลือน เพอกระตน ใหผูเรียนมทกษะในการทางานรวมกนเปนไปตามสมรรถนะ 5 ดานของบณฑต
ื
้
รัฐประศาสนศาสตร์ ได้แก่ 1) มีคุณธรรม จริยธรรม 2) มีความรูทางวิชาการและทักษะทางวิชาชีพทางรัฐ
ุ
์
ประศาสนศาสตร์ 3) สามารถวเคราะห สังเคราะห์และประยกตใชความรูทางรัฐประศาสนศาสตรในการ
์
้
ิ
์
้
้
ิ
ั
่
วเคราะห์สถานการณ์หรือสภาพปญหาทีมความซบซอนไดอยางเหมาะสม 4) สามารถปรบตวเข้ากับสังคมทีม ี
่
้
ี
ั
ั
ั
่
่
ความหลากหลาย 5) มประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสือสารได้อย่างเหมาะสมกับ
ี
ั
ั
ิ
ี
สถานการณและทกษะของผูเรียนไดรับการพัฒนา ไดแก่ ทกษะการเรียนรูและนวตกรรม ทกษะชวตและอาชพ
้
้
ั
้
์
้
ี
ั
ทกษะสารสนเทศ สือ และเทคโนโลยทเกิดขึนไดจากความร่วมมอในการทางานเปนทม การคดเชงวพากษ ใน
ิ
ิ
ิ
ั
่
ํ
ี
็
์
้
ื
้
่
ี
ี
ปญหาทซบซ้อน การนําเสนอด้วยวาจาและด้วยการเขียน (ธีรวี ทองเจือ และปรีดี ทุมเมฆ, 2560: 395-396;
ี
่
ั
ั
้
่
Puncreobutr, 2016: 97; Hussin, 2018: 94; Halili, 2019: 63) เป็นการปรบเปลียนผูเรียนใหใฝเรียนร ม ี
ั
้
้
่
ู
ั
์
ู
ี
กระบวนการคิดวเคราะหตามหลักเหตและผล สามารถสังเคราะหและบูรณาการข้อมลข้อสนเทศตางๆ มทกษะ
่
ิ
์
ุ
่
ั
้
ั
ี
ดานเทคโนโลยและการสร้างนวตกรรมการปรับเปลียนดานค่านยมและวฒนธรรม
ิ
้
4. บทสรุป
้
็
่
ั
ี
้
่
่
้
การจดกระบวนการเรยนรูเปนสิงสําคัญทีจะต้องเปลียนจากกระบวนการเรียนรูแบบตามเนือหาจาก
ึ
หนงสือ ตาราทีผูสอนมบทบาทสําคญในชนเรียนและบรรยายเนือหาเพอให้นักเรียนจดบันทกไปท่องจาสการ
ั
้
ู
่
ํ
้
้
่
ื
ี
่
ั
ั
ํ
้
้
ี
ี
้
้
็
ู
่
ปรับรูปแบบการเรียนการสอนทผูเรียนสร้างองค์ความรดวยตนเอง ผูสอนมบทบาทเปนผูอานวยความสะดวก
ํ
้
ั
่
่
้
เสนอแนะเครองมอตาง ๆ เพือให้ผูเรียนสามารถเข้าถึงองค์ความรูโดยผ่านเทคโนโลยีรวมทงการนําสือสังคม
้
่
ื
ื
่
้
ื
่
่
ํ
่
็
่
์
ั
ออนไลน กรณศึกษา การทางานเปนกลุมเข้ามาชวยเพอเป็นเครืองมอเสรมในการพฒนาการเรียนการสอน ผล
ี
ื
ิ
ี
่
จากการเรียนแบบกลุมทําให้ผูเรียนมความกระตอรอร้นในการเรยนและคนควากอนเข้าเรียน บรรยากาศการ
้
้
ี
่
้
ื
ื
่
37 สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แหงประเทศไทย